ไอเดียการศึกษา 2.0 กับงานห้องสมุด

วันนี้ขอมาแนววิเคราะหืเรื่องเครียดๆ ให้เป็นเรื่องเล่นๆ หน่อยนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ อะไรๆ ก็ 2.0 ไปหมดเลยอ่ะ
ไม่ว่าจะเป็น Web 2.0 / Library 2.0 แล้วตอนนี้ก็ยังจะมีการศึกษา 2.0 เข้ามาอีก ตกลงมันเป็นกระแสนิยมใช่หรือปล่าว

education20

ใครที่ยังงงกับ การศึกษา 2.0 ลองเข้าไปอ่านข่าวเรื่อง การศึกษา 2.0 เปิดอบรมครูผ่านแคมฟร็อก
ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 17 สิงหาคม 2550 ดูนะครับ
หรือเอาง่ายเข้าไปดู โครงการการศึกษา 2.0 ของ thaiventure ดูนะครับ

สรุป concept ง่ายคือ การใช้โปรแกรมเพื่อสอนทางไกล และอบรมการใช้โปรแกรม google application
โดยโปรแกรมที่ใช้ในการอบรมทางไกลครั้งนี้ คือ โปรแกรม camfrog นั่นเอง

ซึ่งหากจะพูดถึงโปรแกรม camfrog นี้ หลายคนคงจะคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยิน
และถ้าผมบอกว่า โปรแกรม camfrog เป็นโปรแกรมที่เด็กวัยรุ่นมักใช้ในการสนทนาแบบเห็นหน้ากัน
และที่สำคัญมักจะมีแต่ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับโปรแกรมนี้ อย่างล่าสุดก็เพิ่งมีข่าวไม่กี่วันนี้
เรื่อง พ่ออึ้ง!! ลูกช่วยตัวเองหน้าคอมฯ จี้รัฐจัดการ ?โชว์สยิว?

แต่ด้วยข่าวที่ออกมาว่าโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ไม่ดีต่างๆ นานา
ทำให้ภาพที่ออกมาอยู่ในแง่ลบมาตลอด
พอพูดถึงโปรแกรมนี้ ส่วนใหญ่ก็จะพูดว่าไปดูโชว์หรอ
แต่ความเป็นจริงแล้ว โปรแกรมนี้ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ดี คือสามารถใช้ในการสนทนาแบบเห็นหน้าได้
โดยเฉพาะเรื่องการทำเป็น teleconference ยิ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่มีความสามารถมากทีเดียว

ดังนั้นโครงการการศึกษา 2.0 ที่เลือกโปรแกรมนี้มาถือว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า
อย่างน้อยโปรแกรมนี้ก็มีประโยชน์ในแง่ของการศึกษาเหมือนกัน

จากแนวคิดดังกล่าว ผมจึงคิดว่า แล้วถ้า ห้องสมุดของเรานำโปรแกรม camfrog มาประยุกต์กับงานบริการบ้างหล่ะ
– บริการตอบคำถามออนไลน์
– ถ่ายทอดสดการประชุมและสัมมนา
– ติดต่อกับเครือข่ายความร่วมมือด้านห้องสมุด

ซึ่งจะสังเกตได้ว่า มันมีประโยชน์แน่นอน

โปรแกรมมีทั้งด้านดีและด้านเสียอยู่ในตัว
ตัวโปรแกรมเองไม่สามารถกำหนดให้ตัวของมันดีหรือไม่ดีไม่ได้
แต่ผู้ใช้เท่านั้นที่เป็นคนกำกับมัน
หากผู้ใช้ใช้ในแง่ที่ดี ก็จะได้ประโยชน์อย่างสูงสุด
และในทางกลับกันหากผู้ใช้นำไปใช้ในทางที่ผิดย่อมส่งผลให้ออกมาในแง่ไม่ดีได้เหมือนกัน

ดังนั้นหากจะนำมาใช้ก็ขอให้ใช้กันอยากระมัดระวังแล้วกันนะครับ ฝากไว้ให้คิดเล่นดู

ติดตามอ่านข้อมูลโครงการนี้ที่ โครงการการศึกษา 2.0 โดย thaiventure

Inside OCLC Datacenter – WorldCat

วันนี้คอลัมน์พาเที่ยวห้องสมุดของผมขอเปลี่ยนแนวหน่อยนะครับ
หลังจากที่ผมพาเพื่อนๆ เที่ยวในห้องสมุดเมืองไทยมาก็เยอะพอควรแล้ว
วันนี้ผมมีอีก 1 สถานที่ ที่อยากให้เพื่อนๆ เห็นเหมือนกัน นั่นก็คือ OCLC Datacenter

room1s

อ๋อ ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมไม่ได้ไปเยี่ยมชมข้างในจริงๆ หรอกนะครับ
เพราะว่า OCLC Datacenter ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
แต่เรื่องที่เขียนในวันนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลมาจากหลายๆ ที่ด้วยกันครับ

ก่อนอื่นผมคงต้องแนะนำ OCLC ให้เพื่อนๆ หลายคนรู้จักก่อนนะครับ

OCLC คือใครและทำอะไร OCLC (Online Computer Library Center)
ทำหน้าที่รวบรวมรายการบรรณานุกรมและให้บริการรายการบรรณานุกรมแก่ทุกคน
ผลงานที่สำคัญของ OCLC คือ Worldcat ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งค้นหารายการบรรณานุกรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

รายละเอียดเกี่ยวกับ OCLC ผมแนะนำว่าให้เพื่อนๆ เข้าไปอ่านจาก? http://www.oclc.org
หรือถ้าอยากอ่านแบบง่ายๆ ก็เข้าไปดูที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Online_Computer_Library_Center

เริ่มเข้าเรื่องกันดีกว่า เมื่อเรารู้ว่า Worldcat ถือว่าเป็นแหล่งค้นหารายการบรรณานุกรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แสดงว่าสถานที่ในจัดเก็บข้อมูลรายการบรรณานุกรมจะต้องมีความพิเศษแน่นอนครับ
ไม่ใช่แค่เรื่องของความใหญ่โตของข้อมูลเท่านั้นแต่มันรวมถึงการจัดการข้อมูลต่างๆ ด้วย

room2s room3s

ข้อมูลของ Worldcat ถูกจัดเก็บในห้อง OCLC computing and monitoring facilities ซึ่งในห้องนี้ประกอบด้วย

– มี disk สำหรับจัดเก็บข้อมูล 180 Terabyte

– มีเทปสำหรับใช้ในการ Back up ข้อมูล 10 Petabyte
(สำหรับคนไม่รู้ว่า 1 petabyte มีค่าเท่าไหร่เข้าไปดูที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Petabyte)

– เครื่อง Server สำหรับ Worldcat

– ระบบสนับสนุนการทำงาน Worldcat

– ชิปที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลเหมือนกับที่ Google ใช้อยู่ปัจจุบัน คือ ชิปที่มีการประมวลผลแบบคู่ขนาน

– Hardware ที่ใช้มาจากบริษัท Dell

– ระบบปฏิบัติการที่ใช้ (OS) ใช้ SUSE Linux

เป็นยังไงกันบ้างครับ วันนี้ผมพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวซะไกลเลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนถ้ามันน่าสนใจจริงๆ ผมก็จะนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้รับรู้อีกนะครับ

ที่มาของเนื้อหาและรูปภาพจาก
http://hangingtogether.org/?p=273
http://www.lisnews.org/node/22173

ห้องสมุดประชาชนบางแห่งคนก็เข้าเยอะนะ

เมื่อวานผมเขียนเรื่อง “ทำไมคนถึงไม่เข้าห้องสมุดประชาชน ???
ในตอนจบของเรื่องนั้น ผมได้กล่าวไว้ว่า ห้องสมุดประชาชนบางที่ก็มีผู้ใช้บริการเยอะนะ
วันนี้ผมจึงขอมาเล่าเรื่องนี้ให้จบ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้เพื่อนๆ

lumpinidll0111-copy

ตัวอย่างที่ผมจะยกขึ้นมาเพื่อนๆ บางคนอาจจะเคยได้ใช้บริการ
และผมก็เชื่อว่าบางคนอาจจะไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเลยก็ว่าได้

เริ่มจากที่แรก ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สวนลุมพินี?
สถานที่ตั้งผมคงไม่ต้องบรรยายมากนะครับ เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอยู่ใน ?สวนลุมพินี?
สภาพอาคารเป็นแค่อาคารชั้นเดียวเท่านั้น
แต่ภายในมีการจัดพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ อย่างที่ห้องสมุดเขาจัดกันนั่นแหละ

จุดเด่นของ ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สวนลุมพินี?
– ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ในสวนสาธารณะ
– ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
– มีความทันสมัยด้านการสืบค้นข้อมูล
– บรรณารักษ์อัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม และให้ความช่วยเหลือได้ดี
– การจัดมุมต่างๆ แบ่งแยกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นมุมสืบค้น มุมหนังสือเด็ก มุมบริการคอมพิวเตอร์

เพียงแค่นี้ห้องสมุดแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้งเลย
เพราะว่ามีคนแวะเวียนมาอ่านหนังสือ ทำงาน กันอย่างไม่ขาดสายเลย

ต่อด้วยอีกตัวอย่างนึงแล้วกัน ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ซอยพระนาง?
ห้องสมุดแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเองครับ
เพื่อนๆ สามารถเดินจากอนุสาวรีย์ไปที่ห้องสมุดแห่งนี้ได้ครับ
ห้องสมุดแห่งนี้ ประกอบด้วย 2 อาคาร อาคารนึงก็มี 3 ชั้นครับ
ภายในมีการจัด และตกแต่งได้ดี และจัดสรรพื้นที่ได้เหมาะสม

จุดเด่นของ ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ซอยพระนาง?
– สามารถเดินทางมาที่นี่ได้สะดวก (อนุสาวรีย์ชัยมีรถไปเกือบทุกที่ของกรุงเทพฯ)
– มีการตกแต่งสถานที่ และจัดการภายในที่ดี
– ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีครบครัน เช่น อินเทอร์เน็ต, wireless, ระบบสืบค้น ฯลฯ
– มีการจัดกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยครั้ง จึงทำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
– หนังสือที่ให้บริการมีความทันสมัย และน่าติดตาม (หนังสือใหม่)
– มีการบริการสื่อที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น ดีวีดี, โปรแกรมช่วยสอน ฯลฯ

จากที่ได้ยกตัวอย่างมาทั้งสองห้องสมุด ผมขอ สรุปปัจจัยที่ทำให้ห้องสมุดประสบความสำเร็จ ดังนี้
– อยู่ใกล้แหล่งชุมชน และการเดินทางสะดวก
– มีการจัดระเบียบ และตกแต่งภายในที่ชัดเจน และดึงดูด
– สื่อ หรือทรัพยากรในห้องสมุดมีความใหม่ และทันสมัยอยู่เสมอๆ
– มีการจัดกิจกรรม? หรือนิทรรศการเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้น
– ผู้ที่ทำงานในห้องสมุด ต้องบริการด้วยใจ และเต็มที่ในการให้บริการ
– เทคโนโลยีสารสนเทศในห้องสมุด ก็เป็นอีกปัจจัยนึงในการพัฒนาห้องสมุด
– การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนกับห้องสมุด เช่น ให้การสนับสนุนห้องสมุด ฯลฯ

จริงๆ ยังมีมากกว่านี้อีกนะครับ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่ตั้งของห้องสมุดนั้นๆ ด้วย
อ๋อแล้วก็พยายาม อย่าพยายามบอกว่า ?เพราะว่าคนไม่ชอบการอ่านครับ?
จริงๆ แล้ว คนอาจจะต้องการอ่านก็ได้ แต่จะสามารถสนับสนุนผู้ใช้เหล่านี้ได้แค่ไหนก็เท่านั้นเองครับ

ก่อนจากกันวันนี้ผมจะ็ขอจบเรื่องห้องสมุดประชาชนในสังคมไทยแต่เพียงเท่านี้
เอาไว้ว่างๆ ผมจะมาบ่นเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังกันใหม่นะครับ

การพัฒนาครูบรรณารักษ์เพื่อเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้น

วันนี้ผมมีงานอบรมเชิงปฏิบัติการมาประชาสัมพันธ์ อาจจะช้าไปหน่อยแต่ก็ยังน่าจะเข้าร่วมได้บ้าง
งานนี้ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าเหมาะสำหรับ “บรรณารักษ์ที่เป็นครูหรืออยากเป็นครู”
เพราะเป็นคอร์สที่จะสอนและช่วยพัฒนาครูบรรณารักษ์ให้ได้รับการเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้น

tla-training

ชื่องานอบรมเชิงปฏิบัติการอย่างเป็นทางการ
ชื่องาน : การพัฒนาครูบรรณารักษ์เพื่อเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้น
วันที่จัดงาน : 30-31 ตุลาคม 2552
สถานที่จัดงาน : ห้องประชุม คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
หน่วยงานที่จัด : สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ (แผนกพัฒนาวิชาชีพ)

เรื่องของการเขียนผลงานทางวิชาการเป็นจุดอ่อนที่ผมมีมาตั้งแต่สมัยตอนเรียบนแล้วครับ
(อ๋อ ต้องบอกก่อนนะครับว่าบล็อกที่ผมเขียนไม่ถือว่าเป็นงานวิชาการนะครับ)
ดังนั้นถ้ามีโอกาสผมก็อยากแนะนำคอร์สการอบรมเหล่านี้ให้เพื่อนๆ เช่นกัน
เพราะว่ามันมีประโยชน์ต่ออนาคตของเพื่อนๆ เลยนะครับ

ไม่ว่าจะเป็น
– การเขียนผลงานวิชาการเพื่อแบ่งปันความรู้
– การเขียนผลงานวิชาการเพื่อพัฒนาวงการวิชาชีพ
– การเขียนผลงานวิชาการเพื่อเลื่อนตำแหน่ง

ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์มากๆ

ดังนั้นเราลองไปดู หัวข้อของการอบรมที่น่าสนใจกัน เช่น
– มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครู
– หลักเกณฑ์และวิธีการเลื่อนวิทยฐานะสำหรับครูบรรณารักษ์
– แนวทางการจัดทำผลงานทางวิชาการของครูบรรณารักษ์
– การเขียนรายงานผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะสำหรับครูบรรณารักษ์

เอาเป็นว่าแค่เห็นหัวข้อก็น่าสนใจพอสมควรเลยนะครับ
นี่ถ้าผมทำงานเป็นครูบรรณารักษ์ ผมคงต้องบอกหัวหน้าให้ส่งผมไปอบรมแน่นอนครับ

วิทยากรที่จะมาอบรมในงานนี้ เช่น
– ดร. สงบ? อินทรมณี วิทยากรจาก กคศ.
– รศ. พวา? พันธุ์เมฆา อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยศรีนครทรวิโรฒ
– อ. พวงรัตน์ อินทรฤทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
– อ. เกษร บัวทอง ครูบรรณารักษ์เชี่ยวชาญ (คศ.3) โรงเรียนนนทรีวิทยา
– อ. กิ่งแก้ว อ่วมศรี บรรณารักษ์ชำนาญการ ระดับ 8 มหาวิทยาลัยมหิดล

ค่าลงทะเบียนในการเข้าร่วมงานอบรมในครั้งนี้ จำนวน 1,000 บาท
ซึ่งผมว่ามันคุ้มนะครับกับการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ความรู้เพื่อนำมาประกอบวิชาชีพ
แถมยังได้พัฒนาทักษะความรู้ของตัวเองเพื่อการเลื่อนตำแหน่งได้อีก

เพื่อนๆ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณกิ่งแก้ว อ่วมศรี แผนกพัฒนาวิชาชีพ สมาคมห้องสมุด ฯ โทร. 02 441 5000 ต่อ 3108
นางสาวปรีดา อิ่มใจดี? สำนักงานสมาคมห้องสมุด ฯ? โทร.? 02-734-9022-3

เอาเป็นว่าก็เป็นงานอบรมเชิงปฏิบัติการนึงที่น่าสนใจครับ

ทำไมคนถึงไม่เข้าห้องสมุดประชาชน ???

เพื่อนๆ ในแต่ละจังหวัด คงจะเคยสังเกตห้องสมุดประชาชนของจังหวัดตัวเองดูนะครับ
ว่ามีห้องสมุดประชาชนของจังหวัดนั้นๆ มีผู้ใช้บริการ หรือคนเข้ามาในห้องสมุดมากน้อยเพียงใด

public-library

หลายๆ คนอาจจะตอบผมว่า น้อย หรือไม่ก็น้อยมาก (ส่วนใหญ่)

สาเหตุที่คนไม่ค่อยเข้าใช้ห้องสมุดประชาชน เกิดจากอะไรได้บ้าง
– ทรัพยากรสารสนเทศมีน้อย
– บรรยากาศในห้องสมุดไม่ค่อยดี
– ห่างไกลจากชุมชน
– บรรณารักษ์ต้อนรับไม่ดี

ประเด็นต่างๆ ที่ผมกล่าวอาจจะมีส่วนที่ทำให้คนไม่เข้าห้องสมุดนะครับ (แค่อาจจะมีส่วนนะครับ)

บางครั้งถ้าผมไปถามบรรณารักษ์ หรือ คนทำงานห้องสมุดบ้างว่าทำไมไม่มีใครเข้าใช้
ผมก็เชื่อว่าส่วนหนึ่งอาจจะตอบผมว่า
– พฤติกรรมของคนไม่ชอบการอ่าน (คนไทยไม่ชอบอ่าน)
– งบประมาณไม่มีเลยไม่ได้พัฒนาห้องสมุด

โอเคครับ สำหรับคำตอบที่กล่าวมา

จากเสียงของผู้ใช้ จนถึงเสียงของบรรณารักษ์ ผมสรุปได้ง่ายๆ ว่า
เกิดจากห้องสมุดไม่สามารถพัฒนาขีดความสามารถของตัวห้องสมุดได้
ไม่ว่าจะเป็นสารสนเทศที่มีจำนวนน้อย หรือสภาพห้องสมุดที่ไม่มีการปรับปรุง

โอเคครับ นั่นคือปัญหา และปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา
ด้วยความเป็นจริงที่เลี่ยงไม่ได้ ห้องสมุดประชาชนก็ยังคงต้องประสบปัญหานี้ต่อไป

ผมได้เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ หลายคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้ข้อคิดมากมาย เช่น

คุณ PP ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้ใช้บริการห้องสมุดว่า

จำได้ว่าเคยไปหาหนังสือทำรายงานที่ห้องสมุดเทศบาล หนุงสือน้อยกว่าที่โรงเรียนอีก แถมเก่า เดือนก่อนเพิ่งสังเกตุว่ามีห้องสมุด มสธ เปิดอีกแห่งทั้งสภาพ บรรยากาศ พอๆ กัน ถ้ารวมกันได้? คงประหยัดงบได้เยอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องซื้อหนังสือพิมย์ฉบับเดียวกัน ส่วนงบประมาณถ้าทำดีๆ แล้วขอบริจาคคงได้งบมาบ้างละ แต่บริการตอนนี้บอกตรงๆ เห็นแล้วเซ็ง

คุณ Jimmy ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้ใช้บริการห้องสมุดว่า

บรรณารักษ์มีส่วนทำให้คนเข้าห้องสมุดได้น้อยเหมือนกันนะ อย่างสมัยเรียนห้องสมุดประชาชนอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก พอเข้าไปใช้ เจ้าหน้าที่นั่งหลับ ทำหน้าทีแค่เปิดปิดห้อง ทำความสะอาดนิดหน่อย หน้าที่หลักคือ เฝ้าห้อง

จากเรื่องด้านบนที่ผมได้เขียนมาก็เป็นเพียงแค่ห้องสมุดประชาชนส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ
ผมก็อยากจะบอกว่า ยังมีห้องสมุดประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่มีผู้ใช้บริการเยอะเช่นกัน
ซึ่งไว้ผมจะขอเล่าให้ฟังในตอนหน้านะครับว่า ห้องสมุดเหล่านั้นทำไมจึงมีผู้ใช้บริการมากมาย

แต่ทั้งหลายทั้งปวลที่เล่านี่ก็ไม่ได้อยากให้ท้อนะครับ
เพียงแต่เรื่องหลายๆ เรื่องเราต้องทำความเข้าใจและช่วยกันปรับปรุงกันต่อไป

10 เหตุผลยอดฮิตของการเป็นบรรณารักษ์

บทความนี้ผมเขียนตั้งแต่ปี 2007 แต่ขอเอามาเขียนใหม่นะครับ
ด้วยเหตุที่ว่า มีเพื่อนหลายคนถามอยู่เสมอว่า “ทำไมถึงอยากเป็นบรรณารักษ์”
ผมก็เลยไปหาคำตอบมาตอบให้เพื่อนๆ อ่าน ซึ่ง 10 เหตุผลดังกล่าวผมว่าก็มีส่วนที่ค่อนข้างจริงนะ

reason-librarian

ปล. 10 เหตุผลยอดนิยมของการบรรณารักษ์ ต้นฉบับเป็นของต่างประเทศ
ดังนั้นอาจจะมีบางส่วนที่เพื่อนๆ อาจจะรับไม่ได้ก็ได้นะครับ ต้องขออภัยล่วงหน้า

ต้นฉบับของเรื่องนี้ ชื่อเรื่องว่า “The Top 10 Reasons to Be a Librarian
ซึ่งเขียนโดย Martha J. Spear

10 เหตุผลยอดฮิตของการเป็นบรรณารักษ์ มีดังนี้
1. Grand purpose – ตั้งใจอยากจะเป็น
2. Cool coworkers – เพื่อนร่วมงานดี
3. Good working conditions – สภาพการทำงานใช้ได้
4. It pays the rent – สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเอง
5. A job with scope – เป็นงานที่มีความหลากหลาย
6. Time off – มีเวลาพักเยอะ
7. Great conferences – มีการจัดงานประชุมได้ดีมาก
8. Useful skills – ใช้ทักษะที่เรียนอย่างเต็มที่
9. Romance – อาชีพที่มีความโรแมนติก
10. Ever-changing and renewing – เป็นอาชีพที่ทำได้นานกว่าอาชีพอื่นๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ มีเหตุผลไหนที่ตรงใจคุณกันบ้าง
อย่างที่ผมบอกไว้แต่แรกหล่ะครับ ว่านี่เป็นเหตุผลของบรรณารักษ์ในต่างประเทศ
อย่าเพิ่งโต้เถียงนะครับ เพราะว่าบ้านเมืองเขาเป็นอย่างนั้น

วันนี้ผมคงได้แค่แปลให้อ่านนะครับ แล้ววันหลังจะมาเขียนอธิบายทีละข้อเลย
เพราะว่าเท่าที่อ่านดูคร่าวๆ นับว่ามีแง่คิดเยอะเหมือนกันครับ
เช่น ข้อที่ 7 ที่พูดถึงเรื่องการจัดประชุมทางวิชาการของสาขาวิชาชีพนี้ ที่เขาบอกว่าดีที่สุด มันเป็นอย่างไร เอาไว้อ่านคราวหน้านะครับ

นั่นคือเหตุผลของบรรณารักษ์ในต่างประเทศ เอาเป็นว่าทีนี้ในบ้านเรา ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับว่า
“ทำไมเพื่อนๆ ถึงเรียนบรรณารักษ์ หรือทำงานบรรณารักษ์” อิอิ ว่างๆ จะขอสำรวจนะครับ

บรรณารักษ์มือใหม่ควร follow ใครใน twitter

กระแส twitter เริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ห้องสมุดหลายๆ ที่ใช้ twitter
แต่คำถามหนึ่งที่ผมได้รับมา คือ “แล้วจะ follow ใครดีหล่ะใน twitter”
วันนี้ผมจึงต้องมาตอบคำถามข้อนี้ให้ชาวห้องสมุดได้เข้าใจกันสักหน่อย

twitter

แต่ก่อนอื่นหากเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่รู้จัก twitter
ผมขอแนะนำว่าลองกลับไปอ่านบทความเก่าๆ ของผมก่อน

“Twitter + Librarian = Twitterian”

คุณควรจะ follow ใครบ้างใน twitter
(ขอแนะนำใช้สำหรับบรรณารักษ์ที่ใช้ twitter มือใหม่นะครับ)

1. ผู้ใช้บริการทั่วไปของห้องสมุด หรือ สมาชิกของห้องสมุด
2. หน่วยงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ คุณ หรือจังหวัดเดียวกัน
3. ห้องสมุดอื่นๆ
4. บรรณารักษ์คนอื่นๆ
5. ผู้แต่งหนังสือ, สำนักพิมพ์, หนังสือพิมพ์
6. @Ylibraryhub (อันนี้แนะนำแบบพิเศษ)

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว
ผมแนะนำว่าคุณอาจจะ follow กลุ่มเป้าหมายของห้องสมุดของคุณก็ได้

เช่น หากเพื่อนๆ เป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดเฉพาะก็ลองหาคนที่สนใจในเรื่องเฉพาะที่ตรงกับห้องสมุดของคุณก็ได้ ตัวอย่างง่ายๆ เช่น
– ห้องสมุดมารวย อาจจะ follow คนที่ชอบเล่นหุ้นหรือสนใจเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนก็ได้
– ห้องสมุดกรมวิทยาศาสตร์ อาจจะ follow นักวิทยาศาสตร์ หรือนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ก็ได้
– ห้องสมุดการออกแบบ อาจจะ follow นักออกแบบ สถาปนิก หรือผู้รับเหมาก่อสร้างก็ได้

แต่ไม่ว่าคุณจะ follow ใครก็ตาม
ผมก็อยากให้คุณทำความรู้จักกับ social network tool เหล่านี้ และขอให้ใช้ในทางที่ถูกต้องและเหมาะสมนะครับ

เพราะหากเพื่อนๆ ใช้ในทางที่ผิด “ห้องสมุดของท่านก็อาจจะมีชื่อเสียมากกว่าชื่อเสียงนะครับ”
ยังไงก็ลองหาคน follow ดูนะครับพี่น้องชาวห้องสมุด

บรรณารักษ์ไม่ควรพลาดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ในปี 2552

เดือนมีนาคมเป็นเดือนที่มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย
เช่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ งานคอมมาร์ค งานมอเตอร์โชว์ ฯลฯ
ซึ่งเดี๋ยวผมคงจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในบล็อก และแนะนำกิจกรรมดีๆ ที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาดนะครับ

bookfair1

วันนี้ขอแนะนำงานแรก นั่นคือ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า งานหนังสือ เพราะฉะนั้นจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับบรรณารักษ์ก็คงไม่ได้

รายละเอียดของงานเบื้องต้น
ชื่องาน : งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 7 และ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37
ชื่อภาษาอังกฤษ :Bangkok International Book Fair 2009
วันที่จัดงาน : วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2552
สถานที่จัดงาน : ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

bookfair

งานนี้มีสโลแกนว่า ?Develop Yourself by Reading?
หรือภาษาไทย?พัฒนาตัวเองด้วยการอ่าน?

การอ่านจะทำให้เราได้รับความรู้มากมาย และการอ่านก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องอ่านหนังสือเท่านั้น
เราสามารถอ่านได้ทกอย่างรอบๆ ตัวเรา เช่น เว็บไซต์ หนังสือ ป้ายประกาศ ฯลฯ
ยิ่งอ่านมากเราก็จะรู้มากขึ้น และยิ่งเรามีความรู้มาก เราก็จะสามารถหาหนทางในแก้ปัญหาได้มากขึ้นด้วย

เรามาดูหัวข้อการสัมมนา และบรรยายที่เกี่ยวกับวงการบรรณารักษ์กันดีกว่า

วันที่ 26 มีนาคม 2552
– How the ASEAN publishing industry will be effected by the popularity of ?digital? contents

วันที่ 27 มีนาคม 2552
– การจัดทำผลงานทางวิชาการเขียนหนังสือค้นคว้าและการเขียนรายงานการใช้ประเภทหนังสือ

วันที่ 28 มีนาคม 2552

– โครงการวิจัยระบบหนังสือหมุนเวียนในโรงเรียนและการก่อสร้างห้องสมุดหนังสือดี 100 แห่งในกรุงเทพมหานคร

วันที่ 30 มีนาคม 2552

– Speech and book Presentation By Irasec ( Institute of Research on Contemporary South East Asia) and book presentation Contemporary research on South East Asia By Benoit de Treglode , Director of IRASEC.

วันที่ 31 มีนาคม 2552
– Integrated Multimedia with Extensive Reading
– เปิดตัวสารานุกรมสำหรับเยาวชน Children Encyclopedia
– กลยุทธ์การบริหารร้านหนังสือ

วันที่ 1 เมษายน 2552
– การออกแบบการสอนอิงมาตรฐานการเรียนรู้สู่หลักสูตรแกนกลางในรูปแบบย้อนกลับ (Backward Design)

วันที่ 3 เมษายน 2552
– ลิขสิทธิ์วิชาการกับงานห้องสมุด / ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์ และ การใช้งานลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม สำหรับบรรณารักษ์ห้องสมุด?

วันที่ 6 เมษายน 2552
– โครงการหนังสือเล่มแรก Bookstart ปีที่ 6

ต้องขอแจ้งไว้ล่วงหน้า งานสัมมนาและการบรรยาย
บางหัวข้อก็เสียเงิน บางหัวข้อก็ฟรี ดังนั้นกรุณาตรวจสอบก่อนนะครับ ที่ http://bangkokibf.com/meetingRoom_thai.php

ทำไมบรรณารักษ์ควรไปงานนี้

– เพื่อวางแผนในการจัดซื้อ และจัดหาทรัพยากรสารสนเทศเข้าห้องสมุด
– เพื่อรวบรวมข้อมูลร้านหนังสือต่างๆ ในประเทศไทย
– เพื่อศึกษาแนวโน้มของทรัพยากรสารสนเทศแบบใหม่ๆ
– เพื่อให้บรรณารักษ์ได้พบปะเจ้าของร้านหนังสือ (บางร้าน)
– เพื่อฟังการสัมมนา หรือบรรยายต่างๆ ที่เกี่ยวกับหนังสือ
– เพื่อเป็นแนวคิดในการจัดงานสัปดาห์หนังสือในห้องสมุด

และอื่นๆ อีกมากมายที่เพื่อนๆ สามารถนำไปใช้ได้

เห็นมั้ยครับ ว่าบรรณารักษ์จะได้อะไรจากงานนี้
ทั้งความรู้ ผู้ขาย และหนังสือติดไม้ติดมือกลับบ้าน
เอาเป็นว่าก็อยากชวนเพื่อนๆ บรรณารักษ์ทุกคนนั่นแหละ
เพราะว่าโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ นะครับ

เป็นไงกันบ้างครับกับรายละเอียดแบบยั่วน้ำลายเล็กน้อย
เอาเป็นว่าเดี๋ยวพอวันงานผมจะไปถ่ายรูปบรรยากาศมาลงอีกนะครับ

ภาพและข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ เว็บไซต์ข้อมูลของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37

สัปดาห์หนังสือแห่งชาติส่งท้ายปี 52 (มหกรรมหนังสือระดับชาติ)

อีกเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้นนะครับ งานหนังสืองานใหญ่อีกงานก็จะเริ่มอีกครั้งแล้ว
นั่นก็คืองานมหกรรมหนังสือระดับชาติ 2552 หรือที่หลายๆ คนชอบเรียกว่างานสัปดาห์หนังสือปลายปี

bookexpo

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้
ชื่องานภาษาไทย : งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 14
ชื่องานภาษาอังกฤษ : BookExpoThailand 2009
วันที่จัดงาน : 15-25 ตุลาคม 2552
เวลาในการจัดงาน : 10.00-21.00 น.
สถานที่จัดงาน : ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ในงานนี้บรรณารักษ์หลายๆ คนโดยเฉพาะบรรณารักษ์ที่ดูแลเรื่องการจัดซื้อหนังสือคงไม่พลาด
เพราะว่าจะได้คัดเลือกหนังสือเข้าห้องสมุดอย่างจุใจ ด้วยหนังสือที่มีจำนวนมากมายและลดราคาด้วย

นอกจากนี้ในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
ซึ่งผมเชื่อว่าหากบรรณารักษ์หรือคนที่ทำงานด้านห้องสมุดมาดู
ก็อาจจะได้ไอเดียเล็กๆ น้อยๆ กลับไปพัฒนาและจัดกิจกรรมที่ห้องสมุดของตัวเองได้

กิจกรรมพิเศษที่จัดในงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้ เช่น
– โครงการประกวด “สุดยอดแนวคิดสร้างนิสัยรักการอ่าน”
– โครงการประกวดให้หนังสือเป็นของขวัญ Book for Gift Smart Idea ครั้งที่ 2
– โครงการทอฝันปันหนังสือให้น้อง ครั้งที่ 17

ในการจัดนิทรรศการในงานนี้ก็มีมากมาย เช่น
– นิทรรศการและกิจกรรม ?ห้องสมุดหนังสือใหม่ ปี 2552?
– กิจกรรม Bookstart ของลูก สำเร็จได้ด้วย Heartstart ของพ่อแม่
– กิจกรรมจากร้านภูฟ้า
– ต้นไม้แห่งความสุข (Book Christmas)
– เมื่อยนักพักเท้า (บริการนวดเท้าแผนโบราณ)
– คิดถึงของขวัญ คิดถึงหนังสือ (Book for Gift)

แค่เห็นชื่อกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ก็ทำให้ผมยิ่งอยากไปงานนี้เร็วๆ เหลือเกิน
เอาเป็นว่าถ้าผมได้ไปร่วมงานในครั้งนี้แล้ว ผมจะเก็บภาพบรรยากาศในงานมาฝากทุกๆ คนเลยครับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่วางแผนที่จะมางานนี้ผมขอแนะนำว่าใช้รถไฟฟ้าใต้จะทำให้คุณไม่ต้องเครียดเรื่องการหาที่จอดรถนะครับ
เพราะอย่างที่รู้ๆ รถเยอะมากๆ รถติดทางเข้า แถมเข้ามาก็อาจจะไม่มีที่จอดอีก ดังนั้นรถไฟฟ้าใต้ดินดีที่สุดครับ

หากเพื่อนๆ อยากได้ข้อมูล หรือรายละเอียดกิจกรรมมากกว่านี้ผมแนะนำให้เข้าเว็บไซต์ทางการของงานนี้
เว็บไซต์ทางการของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 14 : http://thailandbookfair.pubat.or.th/bookexpo/

ปรัชญา Google สู่การให้บริการในห้องสมุด

วันนี้ผมขอนำเสนอข้อคิดดีๆ ที่ผมได้จากการอ่านหนังสือของ google ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานบริการของห้องสมุด
ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีปรัชญาที่ล้ำลึกได้ขนาดนี้ เอาเป็นว่าไปอ่านกันก่อนดีกว่า

book-google

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เจาะตำนาน รวยฟ้าผ่า google
ผู้แต่ง : สุขนิตย์ เทพอนันต์, พงษ์ระพี เตชพาพงษ์
ISBN : 978-974-7048-14-8
จำนวน : 164 หน้า
ราคา : 165 บาท
สำนักพิมพ์ : บริษัท มายด์ คอนเน็กชันส์ จำกัด

เนื้อเรื่องของหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 9 บท มีดังนี้
บทที่ 1 – ฟ้าส่งยาฮูมาเกิดไฉนส่งกูเกิลมาเกิดด้วยเล่า
บทที่ 2 – เล็กพริกขี้หนู
บทที่ 3 – จะหารายได้หรือจะกินแกลบ
บทที่ 4 – ไม่คลิกไม่ต้อจ่าย
บทที่ 5 – เงามืดโตตามตัว
บทที่ 6 – ถึงเวลาเป็นบริษัทมหาชน
บทที่ 7 – บุกตลาดต่างประเทศ
บทที่ 8 – เกมผูกมิตรแข่งศัตรู
บทที่ 9 – ทำนายอนาคตกูเกิล

หนังสือเล่มนี้เมื่อผมอ่านไปครึ่งเล่มก็เจอกับปรัชญาหนึ่งที่น่าสนใจ
ปรัชญานี้ผู้ก่อตั้งกูเกิล (Larry Page และ Surgrey Brin)ใช้สอนและบอกพนักงานอยู่เสมอ
ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีอยู่หลายข้อนะครับ แต่ผมขอยกตัวอย่างสัก 6 ข้อมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านแล้วนำไปลองปฏิบัติกันดูนะครับ

ตัวอย่างปรัชญา
1. คิดถึงผู้ใช้บริการก่อนแล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง
(Focus on the user and all else will follow)

2. จะทำอะไรก็ทำให้เก่งไปซักเรื่องหนึ่งจะดีกว่า
(It?s best to do one thing really, really well)

3. เร็วดีกว่าช้า
(Fast is better than slow)

4. ประชาธิปไตยต้องดีที่สุด
(Democracy on the web works)

5. จริงจังได้โดยไม่ต้องใส่สูท
(You can be serious without a suit)

6. ยอดเยี่ยมแล้วยังไม่พอ
(Great just isn?t good enough)

ตัวอย่างการนำไปใช้ในห้องสมุด
1. เวลาบรรณารักษ์ให้บริการ เราต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้มากกว่าความต้องการของเรา

2. งานของบรรณารักษ์ที่ผมเน้นจริงๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องเก่งตามปรัชญาหรอกครับ
ขอแค่รู้จักและทำงานเป็นก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะเก่งสักเรื่องผมขอเก่งเรื่องการบริการผู้ใช้แล้วกัน

3. ส่วนการบริการที่รวดเร็วย่อมดีกว่าการบริการที่ช้าเพราะอย่าลืมว่าสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูง
เราต้องคำนึงถึงผู้ใช้ที่ต้องการความรวดเร็วในการบริการ ไม่ใช่รอแล้วรออีก

4. การเคารพการตัดสินใจของผู้ใช้ในการประเมินห้องสมุดเพื่อปรับปรุงบริการต่างๆ
เราดูเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็อย่าลืมพิจารณาเสียงส่วนน้อยด้วย เพราะบางครั้งเสียงส่วนน้อยอาจจะทำให้เราเกิดบริการแบบใหม่ก็ได้

5. การทำงานผมอยากเน้นว่านอกจากการทำงานด้วยความจริงจังกับหน้าที่ของตนแล้ว
สิ่งที่ผมอยากเสริมคือเรื่องของความจริงใจ โดยเริ่มจากเพื่อนร่วมงาน และผู้ใช้บริการ
หากเรามีทั้งความจริงจังและความจริงใจแล้ว เราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั้นๆ

6. การที่เราได้รับคำชมมากๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะบริการเพียงเท่านี้
แต่เราต้องพัฒนาการบริการให้ผู้ใช้ดีขึ้นไป เพราะว่าคำชมจะอยู่ได้ไม่นานถ้าเราไม่พัฒนางานต่อไป
เช่นปีนี้ห้องสมุดทันสมัยขึ้น พอปีหน้าผู้ใช้บริการมากขึ้นก็เริ่มมีเสียงว่าไม่พอใช้
ดังนั้นเราต้องมีการปรับปรุงและพัฒนางานบริการด้านต่างๆ ให้ดีไปเรื่อยๆ ไม่มีคำว่าพอ

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับปรัชญาและข้อคิดดีๆ จาก google
จริงๆ มีอีกหลายข้อนะครับที่น่าสนใจ เอาไว้ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังใหม่
ยังไงถ้าเพื่อนๆ คิดอะไรได้ดีกว่าแสดงความคิดเห็นด้านล่างได้เลยนะครับ
เราจะได้ร่วมกันพัฒนาวิชาชีพไปด้วย

ปล. จริงๆ แล้วปรัชญาของ google ก็สามารถประยุกต์ได้ทุกสาขาวิชาชีพนะครับ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน