เมื่อบรรณารักษ์อย่างผมเจอกับผู้ใช้บริการหัวหมอ

วันนี้ขอเล่าเรื่องในอดีตนิดนึงนะครับ สมัยตอนที่ผมยังเป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดแห่งหนึ่งอยู่
อ๋อ ต้องบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าเป็นห้องสมุดสถานศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ (ลองอ่านประวัติผมดูจะรู้ว่าที่ไหน)
ผมก็พบเจอกับผู้ใช้บริการห้องสมุดหลากหลายรูปแบบ (อาจารย์ นักศึกษา พนักงาน เจ้าหน้าที่) วันนี้เป็นเพียงเคสหนึ่งเท่านั้น

userlibrary

ผู้ใช้หัวหมอ คือ ผู้ใช้บริการที่ฉลาดแกมโกง มีความรู้แต่มักใช้ในทางที่ผิด
เมื่อเข้ามาใช้บริการทีไรก็มักจะหาเรื่องปวดหัวมาให้เหล่าบรรณารักษ์ประจำ

ผู้ใช้หัวหมอที่ผมมักจะพบประจำ คือ นักศึกษา ครับ

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

เพื่อนๆ เคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่
ผมเอาหนังสือมาคืนแล้วจริงๆ นะครับ

เรื่องมันมีอยู่ว่า…วันหนึ่งนักศึกษา ก. ก็เข้ามาที่ห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือ
แต่ผมไม่สามารถให้ยืมได้เนื่องจากระบบมีข้อความเตือนว่า “ยังมีหนังสือค้างส่ง”
ผมจึงทวงถามถึงหนังสือเล่มดังกล่าว แต่นักศึกษาบอกว่านำมาคืนแล้ว
ผมจึงได้ให้นักศึกษาไปหาหนังสือบนชั้นหนังสือแล้วนำมาแสดงเป็นหลักฐาน

ผ่านไป 10 นาที นักศึกษากลับมาพร้อมกับหนังสือดังกล่าว แล้วพูดว่า
?ก็บอกแล้วว่าคืนแล้วก็ไม่เชื่อ ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบเลยนะครับคุณบรรณารักษ์?

ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมโดนผู้ใช้ตำหนิว่าไม่รอบคอบ
แต่ก็เอาเถอะครับผมคงไม่รอบคอบเอง เลยถูกผู้ใช้ตำหนิซะบ้าง

แต่ผมก็ยังมีเรื่องที่สงสัยหลายเรื่อง เช่น
– ระบบห้องสมุดในช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ
– หนังสือที่มาคืนทุกเล่มผมต้องเพิ่มสัญญาณในแถบแม่เหล็ก แต่เล่มนี้กลับยังไม่ได้เพิ่ม

(ผมทดลองหยิบหนังสือเล่มนี้เดินผ่านประตูจับสัญญาณ)

แต่เอาเถอะครับ บรรณารักษ์มือใหม่อย่างผมอาจจะพลาดเองก็ได้

อีกหลายสัปดาห์ต่อมา ก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันกับคนๆ เดิมอีกแล้ว
นักศึกษาคนนี้มาขอยืมหนังสือ และระบบก็เตือนอีกแล้วว่ายังมีหนังสือค้างส่ง
ผมจึงต้องทวงถามไปตามปกตินั่นแหละครับ ซึ่งนักศึกษาก็บอกว่าคืนไปแล้ว “ระบบมั่วปล่าว
วิธีเดิมครับ ถ้าคืนแล้วก็ต้องอยู่ที่ชั้น ผมจึงบอกให้เด็กคนนี้ไปหาที่ชั้นอีกที

หลังจากที่เด็กคนนี้เดินไปสักพัก ผมก็เดินตามไปแบบเงียบๆ

สุดท้ายผมก็พบความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
นั่นคือ “นักศึกษาคนนั้นเดินไปที่ชั้นหนังสือ สักพักก็หยิบหนังสือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าออกมา

พอเขาหันหลังกลับมา ก็เห็นผมยืนอยู่ข้างหลังก็ตกใจเล็กน้อย
แล้วก็ยังหยิบหนังสือมาโชว์ผมอีกว่า “นี่ไงหาเจอแล้ว
ผมก็เลยบอกไปว่ามา “ยืนดูอยู่นานแล้ว…

เอาเป็นว่าผมคงไม่ลงโทษอะไรมากมายหรอกครับ แค่ทำเรื่องส่งไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาก็เท่านั้น

เป็นยังไงกันบ้างครับเพื่อนๆ อ่านแล้วรู้สึกยังไง มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างมั้ยครับ
เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟังครับ แล้วหาทางแก้ไขกันดีกว่า…

About libraryhub 883 Articles
นายเมฆินทร์ ลิขิตบุญฤทธิ์ (วาย) ผู้เขียนบล็อกที่เกี่ยวกับห้องสมุดและบรรณารักษ์เป็นงานอดิเรก ปัจจุบันเขียนบล็อกเกี่ยวกับห้องสมุดมาแล้ว 700 กว่าเรื่อง และให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านงานต่างๆ ในห้องสมุด สิ่งที่อยากบอกหลายๆ คน คือ "ผมไม่ใช่ผู้เชียวชาญด้านห้องสมุด แต่ผมก็เป็นคนธรรมดาคนนึงที่เขียนบล็อกห้องสมุดก็เท่านั้นเอง"

4 Comments

  1. ทำอย่างนั้นทำไมหว๊า ? … อยากได้ก็ไม่ต้องคืนดิ ? หรือเอาไป Xerox เอ๊ะหรือว่าไม่อยากทำผิด license ??? … แต่ผมว่า อาจจะอยากกวนติง บรรณรักษ์หรือป่าวอ่ะครับ ? …
    เด็กๆ ผมก็หัวหมอนะ
    เข้าห้องสมุดแล้วเอาเล่มที่ชอบอ่านไปซ่อนไว้ตำแหน่งลับๆ … อิอิ จะได้กลับมาอ่านอีก พวก หนังสือ ref แพงๆ อ่ะครับ อิอิอิ … หัวหมอไหม ? ? ?
    ปล. ตอนนั้น ป.5-6 อ่ะ

  2. พวกนี้ใช้ความรู้ ความสามารถในทางที่ผิดๆ ครับ ดูไว้ครับ อนาคตของชาติ….แค่พวกที่บริหารประเทศอยู่ตอนนี้ ก็ถอยหลังลงคลองกันแล้วนะครับ

  3. ผมเคยอ้างกับเจ้าหน้าที่อย่างนั้นเหมือนกันนะครับ
    แต่ความผิดไม่ได้อยู่ที่ผมนะครับ

    เรื่องของเรื่องคือผมเอาบัตรนักศึกษายืมหนังสือให้เพื่อน
    ครบกำหนด ก็ถามเพื่อนว่าเอาหนังสือไปคืนละยัง
    เพื่อนผมบอกว่าหย่อนกล่องคืนไปแล้ว(ห้องสมุดปิดไปซะก่อน)
    เวลาผ่านไปเดือนหนึ่ง ผมกลับมายืมหนังสือ แต่ถูกระงับสิทธิ์
    ผมก็ไปค้นบนชั้น ค้นยังไงก็ไม่มี (ขนาดตัวเองเรียนบรรณารักษ์)
    ผมก็เลยกลับไปถามเพื่อน เพื่อนบอกว่าส่งคืนไปแล้ว
    ผมก็คะยั้นคะยอให้เพื่อนไปค้นที่บ้าน, ในรถ (เพื่อนผมชอบเอาของยัดไว้ในรถละลืม)

    ก็หาไม่เจอ

    ผมกลับมาที่ห้องสมุดอีกครั้ง ขอตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่อีกที
    พอดีกับที่เจ้าหน้าที่หันจอแสดงผลโปรแกรมห้องสมุดอัตโนมัติ (มูลค่าหลายบาท) ออกมาหน้าเคาน์เตอร์
    ผมเจอโน้ตเล็กๆ เล็กมากๆ บอกว่า In Repair แต่ในโปรไฟล์ผมบอกว่า Over Due

    สรุปคือ หนังสือส่งคืนแต่มันพังมาก(พังมาก่อนผมยืมนะ)
    หนังสือถูกพิจารณาให้ส่งเข้าห้องซ่อมบำรุง โดยไม่ถูก Check in

    ฮามาก
    อยากจะโวยก็ไม่รู็จะโวยไปทำไม เข้าใจว่างานก็เยอะ บางทีก็ผิดพลาดกันได้
    ผมก็เลยยิ้มๆ หัวเราะออกมาซะงั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*