การจัดการข้อมูลข่าวในสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ (Spring News)

หัวข้อที่สามที่ผมจะสรุปจากงานอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์”
คือ การจัดการข้อมูลข่าวในสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์
วิทยากรโดย นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์

หัวข้อนี้ดูเผินๆ อาจจะมองว่าไม่เกี่ยวกับห้องสมุด แต่ผมขอบอกเลยว่า
การทำงานในศูนย์ข้อมูลข่าว กับ งานห้องสมุดมีส่วนที่คล้ายกันมากๆ ไปลองอ่านสรุปได้เลยครับ

สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์เป็นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 5 มีนาคม 2553
คนที่ติดเคเบิลที่บ้านหรือติดจานดาวเทียมที่บ้านดูได้หมดยกเว้นของทรู นอกจากนี้ยังดูผ่าน iphone ipad ได้ด้วย

การบริหารจัดการข้อมูลในสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ

1. การจัดการคน
2. การจัดการข้อมูล

แต่ในการบรรยายจะเน้นในเรื่องของการจัดการข้อมูลเป็นหลัก โดยเฉพาะการจัดการศูนย์ข้อมูลข่าวที่เน้นในเรื่องการจัดเก็บไฟล์ภาพข่าว โดยต้องใช้คนที่เชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดหมวดหมู่ (ควรมีพื้นฐานด้านห้องสมุดหรือบรรณารักษ์) มาเป็นคนกำหนดหัวเรื่องให้กับภาพข่าวซึ่งมีความสำคัญมาก

เช่น ไฟล์ภาพข่าวที่เกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มักจะให้หัวเรื่องว่า “สถานการณ์ใต้” ซึ่งหัวเรื่องค่อนข้างกว้างมาก ถ้าจัดการไม่ดีจะทำให้การค้นหาข้อมูลไฟล์ข่าวมีปัญหาล่าช้าไปด้วย เพราะว่าต้องจำชื่อเรื่อง สถานที่ และวันและเวลาที่เกิดเหตุให้ได้ แต่ถ้าจัดการดีจะทำให้เราสามารถบริหารข้อมูลได้ดีไปด้วย

ข้อมูลข่าวและภาพในสถานีโทรทัศน์ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่สามารถลบข้อมูลต่างๆ ได้เนื่องจากอาจจะต้องมีการนำมาฉายซ้ำในเรื่องที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นการจัดเก็บ และการบริหารที่ดี จะทำให้เราเข้าถึงไฟล์ข้อมูลข่าวและภาพได้ง่าย

การจัดเก็บในรูปแบบเดิมๆ ของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
มักจะอยู่ในรูปของเทปรายการ ซึ่งปัจจุบันเปลียนมาจัดเก็บในรูปแบบของดีวีดี และอนาคตทิศทางจะเป็นไปในแนวทางของฐานข้อมูลดิจิตอล

ปัจจุบันสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์จะมีการจัดเก็บไฟล์รูปภาพเป็นดีวีดีโดยมีการสำรองข้อมูลออกเป็น 3 ชุด เพื่อป้องกันการเสียหายและสูญหาย

ศูนย์ข้อมูลข่าว = คลังสมองของนักข่าว

กระบวนการของการไหลข้อมูลในสถานีโทรทัศน์จะเริ่มต้นจาก
ช่างภาพถ่ายภาพ – จัดเก็บรูปภาพ – ตัดต่อรายการ – ออกอากาศ – จัดเก็บเข้าศูนย์ข้อมูล
ซึ่งกระบวนการดังกล่าวข้างต้นต้องดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

การตั้งชื่อไฟล์เพื่อการจัดเก็บก็จะมีการใช้หัวเรื่องเข้ามาเชื่อมโยงเพื่อให้สามารถค้นหาได้ง่าย เช่น POL = การเมือง
รูปแบบการตั้งชื่อของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ มีดังนี้ อักษรย่อ + วันที่ + เวลา + ชื่อข่าว

การบริหารไฟล์ภาพในส่วนของช่างภาพเองก็จะดูในเรื่องของขนาดภาพที่เพียงพอต่อการใช้งานในการออกอากาศ เพื่อลดขั้นตอนในการตัดต่อรายการ และประหยัดเวลาของขั้นตอนอื่นๆ ด้วย

วิทยากรได้ทิ้งท้ายด้วยการประกาศรับสมัครบรรณารักษ์ที่สนใจไปร่วมงานกับศูนย์ข้อมูลข่าวด้วย
โดยบรรณารักษ์ที่สนใจจะทำงานในศูนย์ข้อมูลข่าวของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– ความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพ
– มีหัวใจในการเป็นบรรณารักษ์
– สนใจข่าวสารบ้านเมือง

เอาเป็นว่าอ่านสรุปแบบนี้แล้วเพื่อนๆ เริ่มเห็นรึยังครับว่า ศูนย์ข้อมูลข่าวกับห้องสมุดไม่ได้ห่างกันเลย
ลักษณะงานคงไม่เหมือนกันเป๊ะๆ หรอก แต่ผมว่าก็ยังมีส่วนที่คล้ายๆ กันนะครับ

เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ คือ http://www.springnewstv.tv/

แนวทางการใช้ E-Medical Library ร่วมกัน

หัวข้อที่สองของงานอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์” ที่ผมจะสรุป
คือ แนวทางการใช้ E-Medical Library ร่วมกัน
วิทยากรโดย นายแพทย์ทวีทอง กออนันตกูล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

หัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่น่าสนใจอีกหัวข้อหนึ่ง (จุดประสงค์ที่ผมมาฟังตั้งแต่เช้าก็เพื่อหัวข้อนี้โดยเฉพาะนั่นแหละครับ)

ท่านวิทยากรขึ้นมาเกริ่นถึงประวัติการทำงานของตัวเอง (ซึ่งเยอะมากๆ เลย)
นอกจากนี้ยังมีผลงานทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมายด้วย เช่น โปรแกรมที่ในวงการแพทย์รู้จักดี UCHA

ท่านได้เล่าถึงความประทับใจและกล่าวขอบคุณบรรณารักษ์การแพทย์คนหนึ่ง
ซึ่งย้อนไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เครื่อง Electroconvulsive therapy หรือ เครื่อง ECT ซึ่งมีราคา 300,000 บาท (ในช่วงนั้นถือว่าเป็นเครื่องมือที่แพงมากๆ) ท่านจึงอยากศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่อง ECT บ้าง โดยที่เริ่มจากการค้นหาข้อมูลของเครื่อง ECT ซึ่งท่านก็ได้ขอความช่วยเหลือจากบรรณารักษ์คนนั้นให้รวบรวมข้อมูลให้หน่อย ซึ่งผลปรากฎว่าบรรณารักษ์คนนั้นใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็สามารถรวบรวมข้อมูลได้เกือบทั้งหมด (ตอนแรกอาจารย์ทวีทองคิดว่าคงประมาณสองสัปดาห์จึงจะได้อ่าน) เมื่อได้ข้อมูลต่างๆ มาแล้วอาจารย์ก็ได้วิจัยและพัฒนาจนทำให้สามารถประดิษฐ์เครื่อง ECT ได้ในราคาแค่ 300 บาท

เป็นยังไงกันบ้างครับ เห็นยังว่า บรรณารักษ์ในวงการแพทย์สามารถสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้อย่างไร
จากสไลด์ของอาจารย์ ผมจึงขอนำเสนอภาพความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ บรรณารักษ์ และสิ่งที่ได้มา ให้ดูตามภาพได้เลย

ต่อมาอาจารย์ก็ได้เห็นความสำคัญของงานห้องสมุดกับการบริการฐานข้อมูลการแพทย์

จนในปี 2541 ที่ท่านวิทยากรมาอยู่ที่กรมควบคุมโรค จึงได้มีการจัดซื้อฐานข้อมูล full text ของวารสารการแพทย์ เพื่อให้บริการ โดยรูปแบบการให้บริการก็ คือ แพทย์ พยาบาล บุคลากรในหน่วยงาน สามารถติดต่อขอใช้บริการฐานข้อมูล Full text มาที่ห้องสมุดกรมควบคุมโรค (ผ่าน จดหมาย แฟกซ์ อีเมล์) แล้วทางบรรณารักษ์ก็จะค้นข้อมูลและจัดส่งเนื้อหาไปให้

แต่ผลที่ได้ คือ 1 ปีมีคนค้นหาเพียงแค่ 53 เรื่องท่านั้น เนื่องจากปัญหาของการซื้อฐานข้อมูลต้องดูเรื่องจำนวนสิทธิ์ในการเข้าถึงฐานข้อมูลด้วย ดังนั้นนอกหน่วยงานจึงไม่สามารถค้นหาข้อมูลได้ จึงทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนเท่าที่ควร

ในปี 2549 กรมการแพทย์ได้ลงทุนในการซื้อฐานข้อมูล E-Journal ในราคา 3 ล้านบาท โดยรูปแบบการให้บริการยังคงคล้ายๆ กับการให้บริการในปี 2541 แต่คราวนี้นำเรื่องการเข้าถึงข้อมูลผ่านระบบ intranet และ VPN เข้ามาใช้ร่วมด้วย ทำให้แพทย์สามาารถเข้าถึงฐานข้อมูลได้เมื่ออยู่ในกรมการแพทย์ ส่วนแพทย์ที่อยู่นอกองค์กรก็สามารถใช้ VPN เข้ามาใช้งานฐานข้อมูลได้ด้วย

ผลที่ได้ จำนวนการเข้าถึงฐานข้อมูลมีมากขึ้นแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนอีกเช่นเคย เนื่องจากการใช้ VPN มากๆ บริษัทผู้ขายก็แจ้งเตือนจำนวนการใช้งานมาเป็นระยะๆ และการต่อ VPN เองก็ค่อนข้างซับซ้อน

ในปี 2554 กรมการแพทย์จึงได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือในเรื่องของฐานข้อมูลการแพทย์ โดยที่ขอความร่วมมือกับหน่วยงานการแพทย์ หรือ สถาบันการศึกษาด้านการแพทย์ที่ใหญ่ๆ เพื่อนำฐานข้อมูลมารวมกันและให้บริการแก่หน่วยงานที่ขาดงบประมาณ รูปแบบการทำงานแบบง่ายๆ คือ หน่วยงานที่มีฐานข้อมูลนำฐานข้อมูลมาลงไว้ที่ส่วนกลางที่เดียวและสะสมข้อมูลไปเรื่อยๆ การให้บริการก็สามารถทำได้โดยการใช VPN หรือส่งคำข้อผ่านทาง webboard, email ก็ได้

ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ ลดต้นทุนเรื่องการบอกรับฐานข้อมูลแบบ full text และจำนวนการใช้งานฐานข้อมูลก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วย

สิ่งที่มุ่งหวังจากการพัฒนาฐานข้อมูล Full text ร่วมกันคือ นักวิชาการเก่ง หมอเก่ง พยาบาลเก่ง ซึ่งจะทำให้องค์กรเก่ง กรมเก่งไปด้วย ซึ่งสาเหตุที่เก่งก็เพราะว่าบรรณารักษ์นั่นเอง

ปัจจุบัน Elibrary ของกรมการแพทย์ คือ http://www.dms.moph.go.th

แนวคิดระบบข้อมูลใหม่ของระบบห้องสมุดด้านการแพทย์
– อยากรู้อะไรต้องได้รู้
– ทำได้ด้วยตนเอง
– เรียนรู้ง่าย จำนวนคลิ๊กที่เข้าถึงข้อมูลต้องน้อยที่สุด
– เมื่อส่งคำถามแล้วต้องได้คำตอบเดี๋ยวนั้นเลย
– ทำกราฟ และสถิติได้หลายรูปแบบ
– ฟรี ไม่ต้องตั้งงบประมาณ

แนวคิดเสริมของระบบห้องสมุดด้านการแพทย์
– โปรแกรมเดียวสามารถใช้ได้ทุกงาน
– ฝึกอบรมรอบเดียวก็เพียงพอ
– ไม่ต้องสร้างหลายโปรแกรม
– ในกรณีฉุกเฉินต่างๆ ก็สามารถใช้งานได้
– พัฒนาต่อยอดได้เรื่อยๆ
– ประหยัดงบประมาณ
– มาตรฐานด้านเทคโนโลยี

ทิ้งท้ายด้วยการแนะนำโปรแรกม UCHA ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานกับระบบห้องสมุดได้ด้วย
ใช้งานได้ง่ายแถมครอบคลุมการทำงานในโรงพยาบาลได้อีก ค่อนข้างสมบูรณ์เลยทีเดียว

สามารถหาอ่านข้อมูลโปรแกรม UCHA ได้เพิ่มเติมที่ http://110.164.65.40/wiki/doku.php

กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติราชการ : บรรณารักษ์แพทย์

หัวข้อแรกที่ผมจะสรุปจากงานอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์” ที่โรงพยาบาลเลิศสิน กรมการแพทย์
คือ กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติราชการ : บรรณารักษ์แพทย์ (KPI สำหรับบรรณารักษ์แพทย์)
วิทยากรโดย นางสาวนุชนาท บุญต่อเติม ข้าราชการบำนาญ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ก่อนจะเข้าสู่การบรรยายในหัวข้อนี้ วิทยากรได้ถามคำถามชี้นำว่า “การประเมินผลการปฏิบัติงานมีความสำคัญอย่างไร และ เราเองที่ได้มาฟังการบรรยายในวันนี้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับไหน”

สิ่งที่เราต้องรู้จักก่อนจะเข้าเรื่องการประเมินผลงาน คือ ตัวประเมิน หรือ งานที่เราจะใช้ประเมิน
ซึ่งทำความเข้าใจง่ายๆ คือ งานที่เราได้ทำให้องค์กรมีอะไรบ้าง และงานไหนที่เป็นงานหลัก งานรอง หรืองานจร บ้าง
เราต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญของงานให้ได้ ว่างานไหนสำคัญมากหรือน้อย ซึ่งแต่ละช่วงเวลาในการประเมินจะไม่เหมือนกัน

เช่น ปีก่อนเราถูกมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยนักวิจัย (งานประเมินในปีนั้นก็อาจจะนำเรื่องนี้มาประเมินได้) ปีนี้เราถูกมอบหมายให้ดูเรื่องการสร้างเครือข่ายกลุ่มงาน (งานประเมินในปีนี้ก็จะนำเรื่องนี้มาประเมินได้เช่นกัน) ดังนั้นจะสังเกตว่า ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ตัวประเมินไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นตัวเดียวกันเสมอ

ตัวประเมิน หรือ งานที่เราจะใช้ประเมินในแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 7 ตัว (รวมกับสิ่งที่องค์กรกำหนดมาให้แล้ว)

การประเมินผลงานในระดับบุคคล คือ การวัดผลการปฏิบัติงานของบุคลากรคนหนึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยการเปรียบเทียบกับเกณฑ์หรือมาตรฐานที่กำหนดไว้ตามลักษณะงานของบุคลากรนั้น

วัตถุประสงค์ของการประเมิน สามารถมองได้ 2 มุม คือ
– มุมมองขององค์กร – ผู้บังคับบัญชา
– มุมมองของบุคลากร

องค์ประกอบของการประเมิน มีดังนี้
1. ผู้ประเมิน
2. ผู้ถูกประเมิน
3. เกณฑ์การประเมิน
4. ผลการประเมิน
5. การให้คำปรึกษา
6. การใช้ประโยชน์

KPI = Key Performance Indicator = ตัวชี้วัดผลงาน
ก่อนอื่นเราต้องมานั่งดู PI เป็นหลัก ซึ่งหมายถึง กิจกรรม หรือ งานประจำวัน ซึ่งหลักๆ แล้วนั่นคือ job descriptions นั่นเอง

ขั้นตอนการหา KPI
1. จัดกลุ่มงาน = เอา job descriptions มาดูแล้ว จัดกลุ่มงานที่มีความใกล้เคียงกันอยู่ในชุดเดียวกัน
2. ผลที่คาดหวัง = ให้วิเคราะห์ผลที่คาดหวังจากแต่ละกลุ่มงาน ส่วนนี้อาจจะใช้เครื่องมือเพิ่ม คือ Balance Scorecard***
3. ตัวชี้วัดผลงาน (ดูที่ PI เป็นหลัก) = ให้นำผลที่คาดหวังมาวัดผลโดยกำหนดคะแนนตาม ร้อยละของงาน, สัดส่วนของงาน, ระยะเวลา, มูลค่า, จำนวน
4. ตัวชี้วัดผลงานหลัก = ให้เลือกตัวชี้วัดผลงานหลักของตำแหน่งงานออกมา 3-7 ตัว เพื่อพิจารณาอีกที โดยดูจากความสำคัญของผลงานที่มีต่อองค์กรมากที่สุด

***Balanced Scorecard ของ ก.พ.ร.นำมาใช้ในการบริหารภาครัฐของไทย ได้มีการกำหนดกรอบ 4 มิติ ดังนี้ (1) คุณค่าด้านประสิทธิผลการปฏิบัติราชการ (2) คุณค่าด้านคุณภาพการบริการ (3) คุณค่าด้านประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการ และ (4) คุณค่าด้านการพัฒนาองค์การ

หลักการของ S-M-A-R-T
S = Specific = ชัดเจน ไม่คลุมเครือ
M = Measurable = วัดผลได้
A = Achievable without compromising another result = สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ด้วยตนเอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอื่นๆ
R = Realistic = สามารถทำได้จริงและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน
T = Time framed = มีการกำหนดเวลาที่แล้วเสร็จแน่นอน

ตัวอย่าง KPI ของห้องสมุดแพทย์
– ร้อยละของการค้นหาเอกสารทางการแพทย์ได้ทันเวลาที่กำหนด
– ร้อยละความพึงพอใจของผู้รับบริการต่อการบริการของห้องสมุด
– ร้อยละของการส่งหนังสือสำรองตามกำหนดยืม
– ร้อยละของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการซ่อมแซมหนังสือชำรุด
– ร้อยละของการสรรหาหนังสือที่ได้รับอนุมัติให้ทันตามเวลาที่กำหนด
– ร้อยละความสำเร็จของการพัฒนา website
– ร้อยละของจำนวนหนังสือหายในห้องสมุด
ฯลฯ

สรุปเนื้อหาจากการฟังและจากสไลด์คงได้เท่านี้นะครับ เนื่องจากเวลาที่ใช้ในการบรรยายค่อนข้างสั้นจึงได้ข้อมูลเพียงเท่านี้ แต่จากการดูสไลด์บรรยายยังเหลือข้อมูลอีกมากเลยครับ เอาไว้ถ้าทางเจ้าภาพนำสไลด์ขึ้นเมื่อไหร่ผมจะนำมาลงให้ชมอีกทีแล้วกันครับ

สรุปการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์”

วันก่อน (วันที่ 2-3 สิงหาคม 54) ได้รับเกียรติให้ขึ้นบรรยายในงานอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์” ที่โรงพยาบาลเลิศสิน กรมการแพทย์ เป็นคนจัดงาน หลายคนเลยสงสัยว่าผมไปเกี่ยวกับห้องสมุดการแพทย์ได้อย่างไร ผมเลยขอนำเรื่องราวที่ได้ไปร่วมมาเล่าให้เพื่อนๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมได้อ่านกัน

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับงานอบรมชมเชิงปฏิบัติการ
ชื่องานภาษาไทย : การเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์ รุ่นที่ 3
ชื่องานภาษาอังกฤษ : Value Added for Medical Librarian
วันที่จัดงาน : 1-3 สิงหาคม 2554 (4-6 สิงหาคม 2554 ศึกษาดูงาน ณ ประเทศสิงคโปร์)
สถานที่จัดงาน : ห้องประชุมกาญจนาภิเษก ชั้น 25 โรงพยาบาลเลิศสิน กรมการแพทย์
ผู้จัดงาน : โรงพยาบาลเลิศสิน กรมการแพทย์

เอาหล่ะครับ ขอตอบคำถามแรกก่อนดีกว่าว่า “ผมไปเกี่ยวอะไรกับบรรณารักษ์การแพทย์ และทำไมถึงถูกเชิญมาบรรยายในงานนี้ด้วย” หลักๆ แล้วถูกเชิญเพราะว่าพี่บรรณารักษ์ที่ห้องสมุดของโรงพยาบาลเลิศสินส่งเมล์มาเชิญ ซึ่งตอนแรกๆ ก็งงเหมือนกันว่าผมจะไปบรรยายได้หรอ เพราะผมเองไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์มากก่อนเลย แต่หัวข้อที่บรรยายก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับ “บรรณารักษ์การแพทย์กับการประยุกต์ใช้งานด้านไอที” เลยรู้สึกว่าเข้ากับตัวเองมากขึ้น ยิ่งได้รู้โครงการที่จะตั้งชมรมบรรณารักษ์การแพทย์ด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าห้องสมุดในกลุ่มการแพทย์น่าสนใจมากเลยทีเดียว เลยตอบรับเข้าร่วมงานในครั้งนี้

งานที่เป็นการบรรยายจะมีแค่วันที่ 1 – 3 สิงหาคมเท่านั้น ซึ่งผมเองได้เข้าร่วมแค่วันที่ 2 – 3 สิงหาคม (วันที่ 1 สิงหาคมป่วยครับ)
ผมก็คงจะสรุปเนื้อหาได้แค่ของวันที่ 2 และ 3 เท่านั้นนะครับ ยังไงก็ขาดตกบกพร่องไปก็ขออภัยล่วงหน้าเลยแล้วกัน

หัวข้อที่บรรยายอยากบอกว่าเยอะมากๆ เลยครับ เอางี้ดีกว่า ผมขอแยกเป็นตอนๆ ให้อ่านแล้วกันนะครับ โดยหัวข้อที่ผมสรุปมาก็มีดังนี้

กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติราชการ : บรรณารักษ์แพทย์ โดย นางสาวนุชนาท บุญต่อเติม
แนวทางการใช้ E-Medical Library ร่วมกัน โดย นายแพทย์ทวีทอง กออนันตกูล
การจัดการข้อมูลข่าวในสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ โดย นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม
บรรณารักษ์การแพทย์กับการสนับสนุนงานวิจัย โดย นายแพทย์วุฒิชัย จตุทอง
E-Medical Librarian and Social Network โดย นายเมฆินทร์ ลิขิตบุญฤทธิ์
IT Management in Medical Library โดย นายแพทย์ธีรชัย ยงชัยตระกูล
Use the Medical Library ? : Resident  โดย นายแพทย์ภัทรกานต์ สุวรรณทศ
Hand ? Medical Librarian  โดย นายแพทย์สมศักดิ์ ลีเชวงวงศ์
การศึกษาดูงาน ณ ห้องสมุดเนลสันเฮย์

เอาเป็นว่าภายในอาทิตย์นี้ ผมจะสรุปหัวข้อต่างๆ ลงในบล็อก Libraryhub นะครับ
อยากให้เพื่อนๆ ค่อยๆ ติดตาม เพราะจะได้อ่านและคิดตามไปด้วยกัน
ผมว่าห้องสมุดในกลุ่มการแพทย์มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจมากๆ เยอะเลย

ปล. วันนี้ขอฝากไว้เท่านี้ก่อน เรื่องไหนที่เขียนแล้ว ผมจะนำ link มาไว้ที่บล็อกนี้แล้วกันนะครับ
สำหรับภาพในวันงานทั้งหมดเพื่อนๆ ติดตามได้จากด้านล่างนี้เลยแล้วกันนะครับ

ภาพบรรยากาศในงานการเพิ่มมูลค่าบรรณารักษ์การแพทย์ รุ่นที่ 3

[nggallery id=45]

นายบรรณารักษ์พาเที่ยวห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหิน

ไปเที่ยวหัวหินกันมั้ยๆๆๆๆ ไหนๆ ก็มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัดทั้งที ก็ขอแวะห้องสมุดแถวๆ นั้นกันสักหน่อย
ห้องสมุดแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของหัวหินและอยู่ใกล้จุดที่คนชอบไปถ่ายรูป คือ ห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหิน


ห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหิน แค่ชื่อเพื่อนๆ ก็คงเดาได้ว่าหน้าตาของห้องสมุดมันต้องเป็นห้องสมุดที่อยู่บนรถไฟแน่ๆ
อ่ะ ถูกต้องครับ “ห้องสมุดที่อยู่บนรถไฟ” และที่สำคัญมันอยู่ที่ “หัวหิน” และตั้งอยู่ใกล้ๆ “สถานีรถไฟหัวหิน”

ห้องสมุดแห่งนี้เป็นห้องสมุดการรถไฟแห่งที่ 3 ของประเทศนะครับ เปิดให้บริการในวันที่ 26 กันยายน 2552
โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด

ความคิดริเริ่มในการเปิดห้องสมุดแห่งนี้เกิดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยมีแนวคิดที่จะนำตู้รถไฟเก่ามาปรับปรุงให้เป็นห้องสมุดรถไฟ เพื่อที่จะขยายการบริการด้านการศึกษาค้นคว้าและเป็นแหล่งเรียนรู้แก่นักเรียน นักศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยว นั่นเอง

ห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหิน ได้รับความร่วมมือจาก 4 หน่วยงานในการพัฒนาและปรับปรุง ได้แก่
– การรถไฟแห่งประเทศไทย นำรถไฟเก่ามาปรับปรุงใหม่
– กศน ดูแลในส่วนการจัดการสื่อและการให้บริการห้องสมุด
– จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริจาคเงินเพื่อตกแต่งภายใน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องสมุด
– เทศบาลเมืองหัวหิน ดูแลเรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านนอกห้องสมุด และสนับสนุนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง


ภายในภาพรวมยังคงมีกลิ่นความเป็นรถไฟอยู่ด้วย โดยเฉพาะที่นั่งอ่านหนังสือยังคงใช้เก้าอี้ที่ใช้ในตู้รถไฟปรับอากาศ (คิดถึงภาพเก้าอี้นวมในรถไฟได้เลย) แถมด้วยเฟอร์นิเจอร์บางอย่างก็ยังคงใช้อุปกรณ์ที่มาจากตู้รถไฟเดิมด้วย


การจัดการเรื่องสื่อ (หนังสือ วารสาร นิตยสาร….)

– มีการรับสมัครสมาชิกเหมือนห้องสมุดประชาชน
– ระบบห้องสมุดอัตโนมัติที่ใช้คือ PLS 5 (ของกศน.)
– การจัดหมวดหมู่แบบดิวอี้
– การจัดวางหนังสือยึดหลักหมวดหมู่ไม่ได้เรียงตามเลขหมู่ เช่น หมวดอาหาร หมวดธรรมะ หมวดภาษา


ใครที่สนใจอยากจะไปเยี่ยมชมต้องมาในวันจันทร์-เสาร์เท่านั้นนะครับ และในช่วงเวลา 9.00-17.00
ด้วย
เพราะนอกนั้นในวันอาทิตย์ หรือวันหยุดอื่นๆ ห้องสมุดปิดนะครับ

เอาหล่ะพาเที่ยวพอแล้วดีกว่า ใครมีโอกาสก็ลองไปชมกันดูเองนะครับ
หรือจะดูรูปภาพห้องสมุดโดยรวมจากด้านล่างนี้ก็ได้ สำหรับวันนี้ก็ไปแล้วนะครับ

ชมภาพห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหินทั้งหมดได้ที่

[nggallery id=44]

นิตยสารบรรณารักษ์ออนไลน์ ปี 4 เล่มที่ 3

นิตยสารบรรณารักษ์ออนไลน์ ปี 4 เล่มที่ 3
ออกในเดือนกรกฎาคม 2554

นิตยสารบรรณารักษ์ออนไลน์ฉบับนี้ออกมาในช่วงเลือกตั้งพอดี ดังนั้นเรื่องไฮไลท์ของเล่มจึงอยู่ในแวดวงใกล้ๆ กันนี้ โดยเรื่องจากปกฉบับนี้เป็นการแนะนำอดีตบรรณารักษ์และอาจารย์ภาควิชาบรรณารักษ์ที่ผันตัวเองไปอยู่ในวงการเมือง นั่นคือคุณพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง นั่นเอง ได้อ่านประวัติท่านแบบคร่าวๆ แล้วขนลุกเลยครับ นี่คือความสำเร็จของอีกหนึ่งบรรณารักษ์นั่นเอง

อีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ บทความของอาจารย์พวา ที่มาเล่าถึงเรื่องการสอนวิชาการแบ่งหมวดหมู่และการทำรายการในสาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ อ่านแล้วก็ทำให้รู้สึกย้อนเวลากลับไปตอนที่เรียนเลยหล่ะครับ

เอาเป็นว่าเกริ่นมาพอสมควรแล้ว เรามาดูกันเลยดีกว่าว่านิตยสารบรรณารักษืออนไลน์ฉบับนี้มีเรื่องที่น่าสนใจอะไรบ้าง

เรื่องจากปก : คุณพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา

บทความ : การสอนวิชาการแบ่งหมวดหมู่และการทำรายการในสาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์

บทความ : ฐานข้อมูลบรรณานุกรมทางการศึกษาของฮ่องกง

เรื่องแปล : รู้จักเรา “ Mini CREAM ” สบาย สบาย

บทความ : Start…นครปฐม นครแห่งการอ่าน

เรื่องแปล : ห้องสมุดบริติชจับมือกูเกิ้ล

เรื่องแปล : แนะนำหนังสือน่าอ่านสำหรับบรรณารักษ์

พาเที่ยว : ห้องสมุดรัฐสภาออสเตรเลีย

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับนิตยสารบรรณารักษ์ออนไลน์ฉบับนี้
หวังว่าเพื่อนๆ คงจะเก็บไอเดียต่างๆ จากในเล่มนี้ไปใช้กับการทำงานได้นะครับ

สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขออตัวไปอ่านนิตยสารบรรณารักษ์ออนไลน์ฉบับนี้ต่อก่อนนะครับ

เว็บไซต์บรรณารักษ์ออนไลน์ : http://www.librarianmagazine.com

[InfoGraphic] 5สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับห้องสมุดในอเมริกา

วันนี้นั่งค้นรูป InfoGraphic ไปเรื่อยๆ ก็พบกับภาพ InfoGraphic ที่เกี่ยวกับวงการห้องสมุดอีกแล้ว
ผมจึงขอนำภาพๆ นี้มานำเสนอให้เพื่อนๆ ได้ดูกันสักนิดแล้วกัน (ข้อมูลค่อนข้างน่าสนใจ)

อย่างที่เคยบอกเอาไว้แหละครับว่า ภาพ InfoGraphic ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว บางคนใช้นำเสนอข้อมูลจำพวกสถิติ บางคนนำเสนอข้อมูลที่เป็นข้อความหรือสรุปเรื่องราว ….. วันนี้ InfoGraphic ที่ผมจะให้ดู เป็นเรื่องของการนำเสนอข้อมูลแบบสรุปนะครับ ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า “5 Fun Facts You may not know about libraries” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “5 ข้อเท็จจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับห้องสมุด

ชมภาพ InfoGraphic : 5 ข้อเท็จจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับห้องสมุด

ทสรุปจากภาพด้านบน (5 ข้อเท็จจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับห้องสมุด)
1. ห้องสมุดในสถาบันอุดมศึกษาจะต้องให้บริการตอบคำถาม จำนวนถึง 56.1 ล้านคำถามในแต่ละปี โดยที่คำถามประมาณ 10 ล้านคำถามจะเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอล (ข้อมูลจาก ALA)

2. ชาวอเมริกันไปห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษามากกว่าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ถึง 3 เท่า (ข้อมูลจาก ALA)

3. ในประเทศอเมริกามีห้องสมุดประชาชนมากกว่าร้านแมคโดนัลด์ – ปัจจุบันห้องสมุดประชาชนมีสาขามากถึง 16,604 แห่ง (ข้อมูลจาก ALA)

4. Benjamin Franklin เป็นผู้ที่ก่อตั้งห้องสมุดประชาชนในฟิลลาเดเฟีย ซึ่งเป็นห้องสมุดที่ให้บริการยืมคืนครั้งแรกของอเมริกา (ข้อมูลจาก USHistory) อ่านประวัติเพิ่มเติมของ Benjamin Franklin ได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Benjamin_Franklin

5. 1 ใน 3 ของห้องสมุดประชาชนในอเมริกาจะมี account Facebook (ข้อมูลจาก library Research)

เป็นยังไงกันบ้างครับ ข้อมูลในภาพน่าสนใจมากใช่หรือเปล่า
ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าที่อเมริกามีห้องสมุดมากกว่าร้านแมคโดนัลด์ซะอีก

เอาเป็นว่าถ้ามีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจอีก ผมจะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันต่อนะครับ
สำหรับวันนี้ก็ขอตัวไปเก็บข้อมูลอย่างอื่นก่อนแล้วกันนะครับ

ที่มาของภาพ Infographic : http://knovelblogs.com/2011/06/13/knovel-presents-5-fun-facts-you-may-not-know-about-libraries/

ร้านหนังสือมีสไตล์ ณ หัวหิน Rhythm & Books

ไม่ได้พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวนานแล้ว วันนี้เลยขอพาเที่ยวแบบชิวๆ ให้เพื่อนๆ ได้ติดตามแล้วกัน
วันนี้ผมขอพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวมี่หัวหินนะครับ (ไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ ด้วย)
(จริงๆ แล้วที่ไปหัวหิน จุดประสงค์หลักคือถ่ายภาพสำหรับงานแต่งงานของผม (prewedding))

สายๆ ของวันอาทิตย์ก่อนกลับ กรุงเทพฯ ผมก็ออกมาหาของกินรองท้องสักหน่อย
ซึ่งก็เลยขับรถมาหาของกินบริเวณถนนแนบเคหาสน์ และก็จอดรถลงมากินก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่แสนอร่อย
ในระหว่างที่กำลังกินอยู่ตาก็ชำเลืองไปเห็นร้านอยู่ร้านหนึ่งชื่อ “Rhythm & Books”
ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นไอความเป็นร้านหนังสือ (ตามสไตล์ของคนที่ชอบหนังสือ)
ดังนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จ ผมก็ไม่รอช้าที่จะต้องแวะเข้าไปชมสักหน่อย

แต่ก่อนจะเข้าไปในร้านก็ขอหาข้อมูลนิดนึงจากอินเทอร์เน็ต
ในที่สุดก็พบว่า “ร้านหนังสือร้านนี้เป็นของนักเขียนชื่อดังคนนึงนั่นเอง”

คุณภาณุ มณีวัฒนกุล (พี่บาฟ)

เจ้าของร้านหนังสือร้านนี้ คือ พี่บาฟ หรือ “คุณภาณุ มณีวัฒนกุล”
นักเขียนนักเดินทาง “คนทำสารคดี” ที่เดินทางไปเกือบทั่วโลก

พอเข้าไปก็เจอกับพี่เขาเลย พี่เขาต้อนรับดีมากๆ เข้ามาพูดคุยแบบเป็นกันเองกับผม
ได้พูดคุยกันสักพักผมก็เลยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของวงการหนังสือ
และแง่คิดที่หนังสือมีให้ต่อผู้อ่าน
เช่น การอ่านการ์ตูนก็สามารถแทรกแง่คิดให้ผู้อ่านได้ด้วย

ภายในร้าน Rhythm & Books มีขายอะไรบ้าง
– หนังสือมือสอง
– สมุดทำมือ
– ของฝากจากหัวหิน
– ภาพวาด
– เพลง
– ฯลฯ

นอกจากนี้ยังผู้ถึงความเป็นมาของร้านหนังสือร้านนี้และแรงจูงใจที่พี่บาฟมีต่อร้านนี้ด้วย
ซึ่งสิ่งๆ นั่น คือ “ความรักในหนังสือ” นั่นเอง กลับมาย้อนคิดผมเองก็คงคล้ายๆ กัน คือ “รักในห้องสมุด”

“ทำอะไรก็ได้ที่ใจรัก มันจะทำให้เรามีความสุข และไม่รู้จักเหนื่อยหน่ายกับมัน”

แม้ในวันนี้ร้านของพี่บาฟอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากแต่ ผมเชื่อครับว่าสักวันร้านของพี่บาฟจะต้องมีคนมาเยี่ยมชมมากขึ้น
พี่บาฟที่บอกผมอีกว่า จริงๆ แล้ว กำลังใจอีกอย่างที่พี่บาฟประทับใจ คือ การได้พูดคุยกับผู้ที่มาเยี่ยมชมร้านนั่นแหละ

ผมว่าถ้าบรรณารักษ์หลายๆ คนคิดแบบพี่บาฟ ผมว่าคงจะทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้นนะครับ
เอาเป็นว่าวันนี้ก็ขอแนะนำร้านนี้ไว้เท่านี้แล้วกัน ใครที่ผ่านมาเที่ยวที่หัวหินก็อย่าลืมมาแวะที่นี่ด้วยนะครับ

สุดท้ายนี้ก็แอบประทับใจและสัญญาว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมมาหัวหิน ผมจะแวะมาที่ร้านหนังสือร้านนี้อีก
แล้วพบกันอีกนะครับ “Rhythm & Books” และยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ พี่บาฟ

ที่อยู่ของ Rhythm & Books เลขที่4/56 ถนนแนบเคหาสน์ ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ 77110 หมายเลขโทรศัพท์ 0814729390
จุดสังเกตง่ายๆ คือ ร้านจะอยู่ในซอยที่เยื้องๆ กับร้านเค้ก บ้านใกล้วัง เข้าซอยมาจะเจอทาวน์เฮาส์หลังที่สาม

ชมภาพบรรยากาศภายในร้าน Rhythm & Books

[nggallery id=41]

ห้องสมุด SCG XP รับสมัครบรรณารักษ์ด่วน

บรรณารักษ์ช่วยหางานกลับมาพบเพื่อนๆ อีกครั้งแล้วนะครับ ช่วงนี้มีงานมากมายมาให้เลือก
ซึ่งวันนี้ผมขอลงตำแหน่งงานบรรณารักษ์สักที่ก่อนดีกว่า งานแรกเป็นของห้องสมุด SCG หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในนาม SCG XP Library

เอาเป็นว่าใครไม่รู้จัก “ห้องสมุดของ SCG (XP Library)
ลองเข้าไปดูบล็อกที่ผมเคยเขียนถึงนะครับ ที่
http://www.libraryhub.in.th/2011/04/16/tour-scg-library-xp-library/

รายละเอียดของตำแหน่งงานเบื้องต้น
ชื่อตำแหน่งงาน : Service Ambassador (Library)
หน่วยงานที่รับสมัคร : บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด (SCG XP)

ขอบเขตของงานที่ต้องรับผิดชอบ ในตำแหน่งนี้
– จัดสรรทรัพยากรสารสนเทศ เช่น หนังสือ นิตยสาร CD-Rom ให้เป็นหมวดหมู่ ใช้งานง่ายรวมถึงจัดการข้อมูลในระบบให้ Update อยู่เสมอ
– ให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้าในห้องสมุด เช่น วิธีค้นหาหนังสือ
– จัดการเวลาการใช้บริการในส่วนต่างๆของห้องสมุดให้เป็นไปอย่างราบรื่น เช่น ตารางการใช้ห้องประชุม อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
– ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายใน เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการได้ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ
– ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของสมาชิกห้องสมุดจนถึงการรับสมัครและดูแลระบบที่เกี่ยวข้อง
– ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องสมุดให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
– คิดริเริ่มที่จะปรับปรุง พัฒนาส่วนงานห้องสมุดให้ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น แนะนำเทคโนโลยีที่สามารถ
นำมาปรับใช้ในห้องสมุด หรือสังเกตและบันทึกสิ่งที่ลูกค้าต้องการและนำมาปรับปรุงบริการแต่ละส่วน

เมื่ออ่านขอบเขตหรือภาระงานไปแล้ว หากเพื่อนๆ สนใจก็ต้องมาดูคุณสมบัติของผู้สมัครกันก่อน
หลายคนอาจบอกว่าสมัครไปแล้วทำไมไม่ถูกเรียก สาเหตุหนึ่งมาจากคุณสมบัติไม่ครบ
ดังนั้นต้องแน่ใจก่อนนะครับว่าคุณสมบัติครบแล้ว ลองไปตรวจสอบกันดูจากด้านล่างนี้

คุณสมบัติเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สนใจ
– เพศชาย/หญิง อายุ 23-27 ปี
– ประสบการณ์ทำงาน 0-3 ปี
– วุฒิปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์/ศิลปศาสตร์ สาขาบรรณารักษศาสตร์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
– ความรู้พื้นฐานและความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการจัดการภายในห้องสมุด
– ความรู้พื้นฐานการจัดการสารสนเทศและความรู้คอมพิวเตอร์
– บุคลิกภาพดี มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก
– ทักษะในงานบริการ มีความอดทนและสามารถรับแรงกดดันจากลูกค้าได้
– ความคิดสร้างสรรค์และมีความสามารถในการสื่อสาร

เรื่องของรายได้และสวัสดิการ ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะเท่าที่ได้ยินมาถือว่าค่อนข้างดี
เอาเป็นว่าก็ลองสมัครกันไปดูแล้วกันนะครับ แล้วมาบอกผมด้วยน้า

ใครที่สนใจและอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจะสมัครก็ลองติดต่อไปที่
คุณภิญญดา ภัทรากชกันต์ หรือ คุณธนัสสรณ์ เกียรติวิไลพร
E-mail : thanasok@scg.co.th

บริษัทเอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด
1444 ซอยลาดพร้าว 87(จันทราสุข) แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. 10240
โทร 02-101-9922 ต่อ 4008,4009

Fax 02-101-9920

Home Page : www.scgexperience.co.th

ขออวยพรให้ได้งานกันทุกคนนะครับ

[InfoGraphic] 1 ปี ห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีกับข้อมูลที่น่าสนใจ

เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 1 ปีของการปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีเป็นศูนย์ความรู้กินได้ ณ ห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี (วันครบรอบ 24 กรกฎาคม) ผมจึงถือโอกาสสรุปผลการดำเนินงานและข้อมูลที่น่าสนใจตลอด 1 ปีที่ผ่านมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน

แต่ถ้าจะสรุปข้อมูลสถิติของห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีแบบธรรมดาๆ (แบบตาราง หรือ แผนภูมิ) ผมว่ามันก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงขอนำแนวความคิดของการจัดทำ Infographic ของต่างประเทศมาช่วยเพื่อเป็นแนวทางในการนำเสนอข้อมูลแบบใหม่ๆ

Infographic ที่เพื่อนๆ จะได้เห็นนี้ ผมเชื่อว่าเป็น Infographic แรกของวงการห้องสมุดและบรรณารักษ์ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ใช้เวลาในการทำ 5 ชั่วโมง (ไม่ใช่แค่เรื่องออกแบบ และทำ graphic เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขต่างๆ ด้วย)

เอาเป็นว่าผมคงไม่อธิบายอะไรมากนอกจากให้เพื่อนๆ ได้ดู Infographic นี้เลย

[หากต้องการดูรูปใหญ่ให้คลิ๊กที่รูปภาพได้เลยครับ]

เป็นยังไงกันบ้างครับกับการนำเสนอข้อมูลห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีของผม
เพื่อนๆ คิดเห็นยังไงก็สามารถเสนอแนะได้นะครับ ผมจะได้นำแนวทางไปปรับปรุงต่อไป

ปล. หากต้องการนำไปเป็นตัวอย่างหรือนำไปลงในเว็บไซต์หรือบล็อกอื่นๆ กรุณาอ้างอิงผลงานกันสักนิดนะครับ