อาหารสมองยามเย็นวันนี้มาจากการอ่านนิตยสาร Business+ ฉบับเดือนกันยายน 2562 ซึ่งมีคอลัมน์หนึ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดอ่าน คอลัมน์นี้ คือ Management Strategies ซึ่งเขียนเรื่อง “ยุคนี้ (อยู่ให้) รอด ด้วยความขี้สงสัย” และเขียนโดยคุณอริญญา เถลิงศรี (MD ของ SEAC)
![](http://www.libraryhub.in.th/wp-content/uploads/2019/10/librarian-start-with-why-1024x576.png)
“ความขี้สงสัย” คือบ่อเกิดแห่งปัญญา อุปนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ตั้งแต่เด็กจนโตเรามักจะชอบตั้งคำถามว่า “ทำไม” อยู่เสมอ
ถ้าใครที่เคยดูการ์ตูนเณรน้อยเจ้าปัญญา (อิคคิวซัง) คงจะคุ้นกับตัวละครตัวหนึ่ง นั่นคือ “เจ้าหนูจำไม” (ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะถามว่า “จำไมหล่ะ”) ซึ่งนั่นก็บ่งบอกแล้วว่า คำถามมาตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก
![](http://www.libraryhub.in.th/wp-content/uploads/2019/10/baby-why.png)
พอโตขึ้นความขี้สงสัยของเราบางทีก็เริ่มหายไป คงเป็นเพราะความกลัวต่างๆ นานา เช่น กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเราไม่เก่ง กลัวว่าคนอื่นจะว่าเราโง่ …. จนในที่สุดเราก็จะไม่กล้าถามอะไรกับใครใดใดทั้งสิ้น งานที่เราทำถ้าทำได้ดีอยู่แล้วก็ทำตามๆ กันมา
ในส่วนของงานด้านห้องสมุดก็เช่นเดียวกันครับ บางเรื่องเพื่อนๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า
- ทำไมต้องจัดหนังสือเรียงตามตัวเลขหรือตัวอักษร
- ทำไมห้องสมุดต้องเป็นสถานที่ที่เงียบสงบเสมอ
- ทำไมเราต้องจัดทำรายการบรรณานุกรมแบบนั้นแบบนี้
- ทำไมการจัดซื้อหนังสือในหน่วยงานต้องมีขั้นมีตอนมากมาย
ซึ่งการตั้งคำถามเป็นสิ่งที่ดีระดับหนึ่ง แต่จะดีมากถ้าเราเริ่มหาคำตอบ และหาวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน บางเรื่องมันอาจดีที่สุดในอดีตและไม่เคยมีรูปแบบการปฏิบัติใหม่ๆ มาจนถึงปัจจุบัน (บางทีก็เหมือนจะดีแต่ไม่เข้ากับบริบทที่เป็นอยู่ก็ได้)
กลับมาที่นิตยสารครับ ในบทความนี้ได้ถอดสูตรสำเร็จขององค์กรระดับโลกไว้และแบ่งเป็น 5 ข้อ ดังนี้
1) เราต้องไม่หยุดที่จะสงสัย
2) เราต้องรู้สึกอยากรู้และวิเคราะห์ข้อมูลตลอดเวลา
3) เราต้องรู้สึกดีและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ (เรียนรู้และปรับใช้ได้)
4) เราต้องทำทุกอย่างให้เร็วกว่าเดิม
5) เราต้องทำงานกับคนในหลาย generation ได้
ข้อคิดเพิ่มเติมที่ได้จากการอ่านบทความนี้ : ความรู้และทักษะที่เราเคยเรียนรู้มาทุกๆ 4 ปีจะใช้ไม่ได้ถึง 30% (อย่างที่เคยเกริ่นว่าความรู้ของเราก็มีวันหมดอายุ) ดังนั้นเราจะต้อง เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ (Learn) ลบสิ่งที่เรียนรู้เดิมๆ ไปบ้าง (Unlearn) และปรับสิ่งที่เรียนรู้ให้เข้ากับบริบทในปัจจุบัน (Relearn) เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เราอยู่รอดได้ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนะครับ
Mindset ต่อการเรียนรู้ที่สำคัญมีอยู่ 3 ระดับ ดังนี้
1) Lifelong learning mindset : การค้นหาวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตัวเรา
2) Learn to be learner mindset : การรู้จักการเรียนเพื่อจะเป็นผู้เรียนที่ดี
3) Dealing with uncertainty mindset : การเรียนรู้ที่ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน (ไม่ชัดเจน)
ปิดท้ายบทความนี้ด้วย “ห่วงโซ่ขี้สงสัย (Chained Why) จะพาเราไปพบโอกาสในการพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนเร้น เพิ่มทักษะรอบด้าน และนำพาไปสู่การเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
จริงๆ มีหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แนะนำหลายเล่มเลย หนึ่งในนั้นผมขอแนะนำเรื่อง
ทำไมต้องเริ่มด้วย “ทำไม” : Start with Why อ่านต่อที่ https://www.maruey.com/article/contentinbook/488
มาฝึกตั้งคำถามกันเถอะ
- ทำไมผู้ใช้บริการถึงเข้ามานั่งทำงานในห้องสมุด (โดยไม่หยิบหนังสือของเราอ่าน)
- หนังสือที่ห้องสมุดของเรามีถูกใช้ครบทุกเล่มจริงหรือไม่ (Data Driven in Library work)
- จะทำอย่างไรผู้ใช้บริการจึงจะอ่านหนังสือ
- ทำไมผู้ใช้บริการไม่หยิบหนังสือต่างประเทศมาอ่าน
ใครได้คำตอบแล้วช่วยแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะครับ … “จำไมหล่ะ”