จรรยาบรรณบรรณารักษ์และนักสารสนเทศฉบับปี 2550

ประกาศจรรยาบรรณของบรรณารักษ์ฉบับแรกประกาศเมื่อปี 2521 และมีการปรับปรุงครั้งที่ 1 ในปี 2529
และหลังจากนั้นไม่เคยมีการปรับปรุงจรรยาบรรณฉบับนี้อีกเลย จนมีการปรับปรุงครั้งที่ 2 ในปี 2550

ethic-library

ผมเลยแปลกใจว่าตั้งแต่การปรับปรุงครั้งแรกจนถึงครั้งนี้มันห่างกันตั้ง 21 ปีนะครับ
แสดงว่าที่เราใช้ๆ กันอยู่นี่มันล้าสมัยมากๆๆๆๆๆ
แต่เอาเถอะไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ยังไงฉบับนี้ก็ถือว่าแก้ไขมาแล้ว
ผมจะมาพูดถึงเนื้อหาจรรยาบรรณทั้ง 9 ข้อ แบบย่อๆ ให้เพื่อนๆ ได้อ่านแล้วกัน

———————————————————————————————–

ประกาศสมาคมห้องสมุดฯ เรื่อง จรรยาบรรณบรรณารักษ์และนักสารสนเทศ พ.ศ. 2550

1. ให้บริการอย่างเต็มที่โดยไม่แบ่งแยกผู้ใช้บริการ
2. รักษาความลับและเคารพสิทธิของผู้ใช้บริการ
3. ซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ อดทน และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
4. เรียนรู้ให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
5. เป็นมิตรกับเพื่อนร่มงาน เพื่อร่วมมือร่มใจกันทำงานเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ
6. สร้างสัมพันธภาพและสร้างความร่วมมือกันระหว่างสถาบันให้ดี
7. ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์เข้าตัวเอง
8. ยึดถือหลักเสรีภาพทางปัญญาและรักษาเกียรติภูมิของห้องสมุดและวิชาชีพ (ไม่ทำให้วิชาชีพเสื่อมเสีย)
9. มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมภูมิปัญญาและการเรียนรู้

———————————————————————————————–

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับจรรยาบรรณของวิชาชีพเราฉบับใหม่
ผมวี่ามันก็เป็นสิ่งที่เราพึงกระทำอยู่แล้วนะครับ
แต่สำหรับผม ผมชอบข้อ 4 ที่รู้สึกว่า
ทางสมาคมคงจะเผื่อเอาไว้ในอนาคตเลย
เพราะว่าวิชาชีพเรา เราต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอ่านจรรยาบรรณฉบับเต็มก็สามารถดาวนโหลดได้ที่
ประกาศสมาคมห้องสมุดฯ เรื่อง จรรยาบรรณบรรณารักษ์และนักสารสนเทศ พ.ศ. 2550

สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้สมาคมห้องสมุดสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อวงการห้องสมุดต่อไปนะครับ

เมื่อบล็อกบรรณารักษ์อย่างผมโดนลอกอีกแล้ว?

กรณีศึกษาการเขียนบล็อกบรรณารักษ์ของผมมีปัญหามากมาย
กรณีหนึ่งที่รุนแรงมากจนผมต้องพูดหลายครั้งก็คือ
การ copy บทความชาวบ้านเขามาเป็นของตัวเอง

banner-300x144

“เรื่องในบล็อกผมอนุญาติให้นำไปใช้นะครับ แต่กรุณาบอกว่าเอามาจากเว็บผมด้วยได้มั้ย”

เรื่องมีอยู่ว่าในขณะที่ผมนั่งค้นหาเรื่องที่ผมเคยเขียนในบล็อกอยู่
ปรากฎว่า ผมได้เจอบทความเรื่องเดียวกันมากมายใน google (ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเขียน)
เลยทำให้ตกใจเล็กน้อยว่าเรื่องพวกนี้มาจากไหนกันบ้าง

ไม่รอช้าครับผมก็เลยตามเข้าไปดูเว็บไวต์เหล่านี้
ก็พบว่า มีการ copy เรื่องในบล็อกของผมไปใช้
เท่านั้นยังไม่พอ ในบล็อกนั้นก็ใส่ที่มานะครับ แต่ที่มาก็ไม่ใช่ของผมอีก

แล้วที่ตลกมาก นั่นก็คือบล็อกที่ copy เนื้อหามาจาก บล็อกบรรณารักษ์ด้วยกันเอง
ผมไม่แน่ใจว่าเขารู้จัก projectlib หรือปล่าวนะครับ
แต่คุณเอาบทความของผมไปกรุณารู้ไว้สักนิดนะครับว่า
?เจ้าของอนุญาตให้นำไปเผยแพร่นะครับ แต่กรุณาอ้างที่มาด้วยนะครับ?

วิธีที่ถูกต้องในการนำบทความคนอื่นไปลง
– ก่อนที่จะนำบทความของผมไปลงก็มาเขียน คอมเม้นต์บอกผมก่อน
– ส่งเมล์มาบอกกันสักนิดว่าจะเอาบทความของผมไปลงก็ได้นะครับ
– ทักมาใน MSN ก็ได้นะครับ

เฮ้ย บ่นจนไม่รู้ว่าจะบ่นยังไงแล้ว เตือนแล้วเตือนอีก ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีกรณีแบบนี้อีก

ผมเคยบอกเองว่า Sharing Knowledge is power
หลายๆ คนก็คงคิดว่าผมคงแจกเนื้อหาให้ใช้กันได้เต็มที่
แต่ผมก้อยากให้เพื่อนๆ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะครับว่า
ถ้าสักวันนึงคุณโดย copy บทความแบบผมแล้วคุณจะรู้สึกอย่างไร

วันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนนะ ขออภัยที่ต้องระบายให้เพื่อนๆ ฟัง

Sharing Knowledge is power?
But Copy Idea is not power na?