ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าใช้ห้องสมุดมากที่สุด คือ…

ก่อนถึงวันจันทร์วันที่แสนน่าเบื่อ ผมขอเขียนเรื่องเบาๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้เพื่อนๆ อ่านแล้วกัน
เรื่องวันนี้ผมขอตั้งเป็นแบบสอบถามแล้วกัน เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าใช้ห้องสมุดมากที่สุด คือ…
ว่าเพื่อนคิดว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าใช้ห้องสมุดมากที่สุดคืออะไร

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าใช้ห้องสมุดมีมากมาย ซึ่งหากห้องสมุดเข้าใจผู้ใช้บริการ
เพื่อนๆ ก็สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาใช้และปรับปรุงห้องสมุดและดึงดูผู้ใช้บริการได้
ซึ่งจะนำมาซึ่งการพัฒนาห้องสมุดของเพื่อนๆ นั่นเอง

ผมอยากขอความร่วมมือจากเพื่อนๆ (ทุกสาขาวิชาชีพ) ช่วยกันตอบแบบสอบถามนี้ด้วยนะครับ

แบบสอบถาม : ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าใช้ห้องสมุดมากที่สุด คือ…

[poll id=”19″]

ผมขอตอบประเดิมเป็นคนแรกแล้วกัน …. ผมขอเลือกบรรณารักษ์กับความเอาใจใส่ในงานบริการ
เพราะหากบรรณารักษ์ปรับปรุงตัวเองได้ ตัวบรรณารักษืเองก็จะพัฒนางานต่างๆ ในห้องสมุดไม่ว่าจะเป็น
การสร้างบรรยากาศในการอ่าน การจัดกิจกรรมต่างๆ และบริการด้วยใจ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการพอใจครับ

เอาเป็นว่าเพื่อนๆ คิดยังไงก็ลองเลือกคำตอบกันดูนะครับ ใครมีความเห็นเพิ่มเติมก็สามารถเสนอได้ครับ

?จะเรียนปริญญาโทดีมั้ย? คำถามที่น่าคิด

เรื่องนี้จริงๆ ผมเขียนนานแล้วอ่ะครับ แต่พอเห็นเพื่อนๆ แสดงความคิดเห็นมากมาย
ผมก็เลยขอถือโอกาสนี้ นำมาเล่าซ้ำและประมวลความคิดเห็นที่ให้แง่คิดดีๆ ให้อ่านครับ

blog

มีเพื่อนผมหลายคนมาถามบ่อยๆ ว่า
?เรียนโทเป็นไงบ้างยากมั้ย?
?อยากเรียนโทนะแต่เรียนอะไรดี?
?แล้วจะเรียนดีมั้ยอ่ะปริญญาโท?

คำถามนี้ไม่ใช่เกิดกับเพื่อนๆ ของผมอย่างเดียว
ตอนก่อนที่ผมจะลงเรียนปริญญาโท
ผมเองก็เคยถามคำถามพวกนี้กับคนอื่นเหมือนกัน

แล้วคำตอบที่ได้กลับมาก็เหมือนกันเกือบทุกคนว่า
?เรียนอะไรก็ได้ที่คิดว่าชอบ?
?คิดดีแล้วหรอที่จะเรียนปริญญาโท?
?เรียนปริญญาโทเพื่ออะไร?

เรียนอะไรผมว่ามันก็ขึ้นอยู่กับความชอบจริงๆ นะ
ส่วนคำถามที่ถามย้อนกลับมาสิว่า ?เรียนปริญญาโทเพื่ออะไร?

บางคนคงจะบอกว่า
?เรียนเพราะว่าสังคมเดี๋ยวนี้ จบปริญญาตรีมันไม่พอ?
?เรียนเพราะว่าที่บ้านบอกให้เรียน?
?เรียนเพราะตั้งใจว่าจะเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง?
?เรียนเพราะว่าคนอื่นเขาก็เรียน?
?เรียนเพราะว่าแฟนชวนให้เรียนด้วย?

เอาเป็นว่าหลากหลายเหตุผลในการที่จะเรียนต่ออ่ะครับ
แต่คิดสักนิดนะครับว่า ไม่ว่าคุณจะเรียนปริญญาอะไรก็ตาม
ขอให้เลือกตามที่ใจรักนะครับ เรียนอะไรก็ได้ตามใจเรา

บางคนบอกว่าเรียนเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ผมก็เห็นด้วยนะครับ
แต่ว่าอย่างบางอาชีพเขาไม่ได้วัดกันที่ปริญญาก็มีนะครับ
ผมขอถามคุณเล่นๆ ดีกว่า (ลองคิดตามนะครับ)

สมมุติว่ามีคนสองคนมาสมัครงาน
คนนึงจบปริญญาเอกด้านการออกแบบ มาจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ แต่ยังไม่เคยทำงานมาก่อนเลย
อีกคนหนึ่งจบปริญญาตรีสาขาที่ไม่เกี่ยวกับการออกแบบด้วยซ้ำ แต่มีประสบการณ์ในการออกแบบมาเกือบ 20 ปี
คุณคิดยังไงกับคนสองคนนี้ แล้วถ้าคุณจะรับคนเข้าทำงานคุณจะเลือกใครครับ

อย่างที่เคยพูนะครับว่าปริญญาบางทีในสังคมก็ใช้ในการวัดความรู้
แต่ผมว่าประสบการณ์ก็มีส่วนในการวัดความรู้ได้เหมือนกัน

แต่ในประเทศไทยเราส่วนใหญ่ก็ยังยึดกับใบปริญญาอยู่ดี
ยังไงซะถ้ามีโอกาสเรียนก็เรียนเถอะครับ คิดว่าตามกระแสไปแล้วกัน

——————————————————————————————————

รวมความคิดเห็นที่ตอบมาแล้วได้แง่คิด

พี่บอล (jiw_de_jazz) แสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเรียนแล้วมีประโยชน์ชัดเจนก็เรียนไป เช่น

?เรียนจบแล้วเงินเดือนขึ้น?
– แน่นอนคุณเสียค่าเรียนป.โท ประมาณ 3แสน แต่คุณจะได้เงินเดือนขึ้นอีก 5พัน/เดือน จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 60 เดือน = 5ปี น่าจะคุ้มนะ

?เรียนช่วงหางาน(เตะฝุ่น)?
– เตรียมพร้อมเมื่อฟ้าปิด ถ้าฟ้าเปิดมาคุณจะมีโอกาสมากกว่าผู้อื่น

“เรียนเพราะว่าที่บ้านบอกให้เรียน”
– น่าจะเป็นพวกบ้านพอมีฐานะ เรียนไปเถอะ เพื่อคุณจะได้ไม่เป็นแกะดำในบ้าน, หรืออาจจะเสริมสร้างสถานภาพทางสังคมของครอบครัวของคุณ(ไม่ได้ประชดนะ) ผมให้ความสำคัญกะที่บ้านสูงน่ะครับ ?ลูกชั้นจบปริญญาโทแล้วนะ?

?เรียนเพราะที่ทำงานเรียนกันหมดเลย?
– อันนี้ต้องคิดครับว่า ว่าปริญญามีผลกับการทำงานของคุณหรือป่าว ถ้าไม่มีผลก็ไม่ต้องเรียน ถ้ามีผลก็เรียนไปเถอะครับ

——————————————————————————————————

คุณจันทรา แสดงความคิดเห็นว่า

ผลที่ได้จากการเรียน มากกว่าที่คิดเยอะ ได้เพื่อน ที่ไม่คาดว่าจะได้เจอ หมายถึงวิถึชีิวิตเราต่างกันมาก ถ้าไม่เจอกันที่เรียน ก็คงไม่ได้เจอ ทำให้โลกกว้างขึ้น ในด้านวิชาการ เรียนโทส่วนใหญ่จะเน้นเรื่อง ?วิธีคิด? จะคิดเป็นระบบมากขึ้นค่ะ สุดท้าย ก็ความภูมิใจไงค๊ะ ปริญญาหน่ะ ไม่ได้มีไว้เพื่ออวดว่า ?ใครเก่ง? แต่การจะได้มาหน่ะมันไม่ง่าย ก็อาจพิสูจน์ได้ว่า มันคือผลของ ?การพยายาม? ค่ะ

——————————————————————————————————

พี่มุก (EscRiBiTioNiSt) แสดงความคิดเห็นว่า

คิดว่า การเรียน เป็นงาน อดิเรก อย่างหนึ่ง ได้ความรู้ ได้เพื่อน ได้สังคม ที่สำคัญ ได้ความสุข สนุกสนาน ความตื่นเต้น (เวลาสอบ) จากการเรียน มีหลายรสชาติดี..

——————————————————————————————————

บรรณารักษ์ในกะลา แสดงความคิดเห็นว่า

ต้องลองเรียนเองค่ะถึงจะได้คำตอบ เพราะความรู้ที่ได้ไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความรู้จะค่อย ๆ ซึม ถ้าช่างสังเกตจะรู้ว่าความคิดความอ่านเปลี่ยนไปไม่น้อย ยิ่งคนที่เรียนด้วยทำงานด้วยจะทำให้การคิดเป็นระบบและมีหลักการรองรับมาก ขึ้นค่ะ

ครับนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งขอคนที่เขามาแสดงความคิดเห็นนะครับ เอาเป็นว่าจะเรียนหรือไม่เรียนขึ้นอยู่ที่ตัวคุณแล้วหล่ะ